Home
ซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก เผยถึงตลาดที่อยู่อาศัยไทยในช่วงโควิด-19 ว่าผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมุ่งเน้นไปที่การเคลียร์ยูนิตที่มีอยู่ ขณะที่ตลาดบ้านเดี่ยวยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้า
ที่ซื้อเพื่ออยู่เองอย่างต่อเนื่องการทำงานจากบ้าน (Work From Home) การขยายเส้นทางคมนาคมต่างๆ รวมถึงการให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิด New Normal ในตลาดที่อยู่อาศัย
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่าตลาดคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบจากเรื่องค่าเงินบาทและมาตรการควบคุมด้านสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี 2562 ต่อมาในช่วงต้นปี 2563 เริ่มเห็นสัญญานที่ดีในการฟื้นตัวและตลาดเริ่มมีความเข้าใจมากขึ้นในเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ตลาดค่อนข้างเงียบโดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน ซึ่งหากไม่มีการระบาดของโควิด-19 ตลาดคอนโดมิเนียมก็อยู่ในช่วงการปรับให้เข้าสู่สมดุล ในช่วงนี้ทางด้านซัพพลายชะลอตัว ทำให้มีข้อดีคือแทบไม่มีซัพพลายใหม่เข้ามาแข่งขันกับซัพพลายเดิมที่มีอยู่
ผู้พัฒนาโครงการก็มุ่งเน้นไปที่การขายยูนิตที่กำลังก่อสร้างหรือสร้างแล้วเสร็จที่ยังเหลือขายอยู่ ส่วนด้านตลาดบ้านเดี่ยวได้รับผลกระทบน้อยกว่าตลาดคอนโดมิเนียม โดยหลังจากภาครัฐมีการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 2 ผู้ซื้อก็เริ่มให้ความสนใจเข้ามาเยี่ยมชมโครงการมากขึ้น ทำให้ยอดขายแทบไม่ต่างจากช่วงก่อนโควิด-19

นางสาวอาทิตยา เกษมลาวัณย์ ผู้อำนวยการ แผนกซื้อขายที่พักอาศัยโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ได้เผยถึงกลุ่มลูกค้าต่างๆ ในตลาดที่อยู่อาศัยว่า กลุ่มลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนเริ่มลดลงตั้งแต่ก่อนช่วงโควิด-19 จากเรื่องค่าเงินที่เป็นผลมาจากสงครามการค้าจีนและสหรัฐฯ และเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไวรัส ลูกค้ากลุ่มนี้จึงลดลงไป
ซึ่งมาจากมาตรการจำกัดการเดินทางอย่างไรก็ตาม ลูกค้ากลุ่มนี้ยังมีความต้องการซื้อและจะกลายเป็นกำลังซื้อที่สำคัญเมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการด้านการเดินทางแล้ว ทั้งนี้ จากการสังเกตของซีบีอาร์อีในระยะหลัง ลูกค้าชาวจีนในกลุ่มตลาดบนเริ่มเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่มากขึ้น เมื่อเทียบกับ 4-5ปีก่อนที่ลูกค้าชาวจีนจะเป็นกลุ่มที่ซื้อไม่เกิน 3-10 ล้านบาท
กลุ่มที่ 2 คือนักเก็งกำไร ซึ่งช่วงก่อนโควิด-19 จะมี 20-25% ได้หายไปจากตลาดเช่นกัน กลุ่มที่ 3 คือผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่เอง ถือว่ายังเป็นกลุ่มที่ยังคงมีความต้องการซื้อ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ผู้ซื้อจะมีเวลาในการพิจารณา รวมถึงโครงการก็มีข้อเสนอที่ดีมอบให้ เป็นกลุ่มลูกค้าที่กลับมาค่อนข้างเร็วเท่ากับช่วงก่อนโควิด-19หลังจากมีมาตรการผ่อนคลาย
และกลุ่มที่ 4 คือกลุ่มนักลงทุน เป็นกลุ่มให้ความสำคัญกับเรื่องราคาเป็นหลัก พร้อมที่จะซื้อทันทีหากสินค้ามีราคาถูก โดยสถานการณ์ในช่วงนี้กลุ่มผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่เองและกลุ่มนักลงทุนยังคงมีความเคลื่อนไหวในตลาดอยู่

ช่วงนี้เป็นตลาดของผู้ซื้อไม่ว่าเป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์เองหรือตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค แต่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้นมีปัจจัยหลายประการที่จะต้องพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้ง ดีมานด์และซัพพลายในแต่ละย่าน รูปแบบและยอดขายของแต่ละโครงการ
ทำให้การเสนอขายพร้อมโปรโมชั่นและส่วนลดต่างๆ ของแต่ละโครงการมีความแตกต่างกันไป โดยเฉพาะส่วนลดซึ่งไม่ได้ลดเท่ากันทุกโครงการ ผู้ซื้อจึงต้องใช้เวลาในการเปรียบเทียบ ทำให้การขายเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป
“สำหรับการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก คือ เมื่อมีการเปิดให้ธุรกิจต่างๆ ดำเนินการต่อ ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มมีการเปิดบ้างแล้ว แต่ยังมีข้อจำกัดในการเดินทางจากต่างประเทศ จะทำให้ในช่วงแรกต้องขึ้นอยู่กับความต้องการจากผู้ซื้อในประเทศก่อน โดยคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 – 3 เดือนสำหรับลูกค้าในการตัดสินใจ
ทั้งนี้ ปัจจัยที่สำคัญคือบรรยากาศโดยรวมของภาคธุรกิจ หากมีการกระตุ้นเพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยก็จะช่วยเร่งให้ตลาดเริ่มกลับมาเร็วขึ้น โดยน่าจะเริ่มเห็นสัญญานที่ดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 และในช่วงที่ 2 ของการฟื้นตัว คือ เมื่อเปิดให้มีการเดินทางระหว่างประเทศ เริ่มจากการเดินทางเพื่อธุรกิจ และตามด้วยการท่องเที่ยว
ซึ่งจะเริ่มเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4 โดยเป็นการคาดการณ์เฉพาะในช่วงปีนี้ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐ การผลิตวัคซีนและความสามารถในการควบคุมโรคไม่ให้กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง” นางสาวอลิวัสสาให้ความเห็นเพิ่มเติม
นอกจากนี้ นางสาวอลิวัสสายังได้กล่าวถึง New Normal ของตลาดที่อยู่อาศัยว่า “มีสองเรื่องที่จะเกิดขึ้น คือ เรื่องการเลือกทำเลที่อยู่อาศัยระหว่างในเมืองและนอกใจกลางเมืองที่ต้องจับตามอง จากการที่ผู้คนอยู่บ้านมากขึ้นและทำงานจากบ้านทำให้เกิดความต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น
ประกอบกับเส้นทางคมนาคมหลายสายทั้งระบบรางและรถขยายครอบคลุมไปยังบริเวณนอกเขตใจกลางเมือง ทำให้ลูกค้าบางกลุ่มหันกลับมาพิจารณาตลาดบ้านมากขึ้นในแง่ความคุ้มค่า โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงเรื่องพื้นที่ใช้สอยมาตรฐานใหม่อีกเรื่องที่น่าจะดำเนินต่อหลังจากโควิด-19 คือ การดูแลสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เป็นโจทย์ที่ผู้พัฒนาโครงการและนักออกแบบต้องคำนึงถึงในการพัฒนาโครงการในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นที่ใช้สอย อากาศ การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการอำนวยความสะดวกต่างๆ เห็นได้จากในอดีตที่หลังจากเกิดวิกฤต เราจะได้เห็นการพัฒนาของตัวสินค้าที่ต่างไปจากเดิมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในขณะนั้น
เช่น หลังวิกฤตครั้งก่อนๆ จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ การออกแบบคอนโดมิเนียมให้มีขนาดกระชับขึ้น การออกแบบผังห้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการเสนอขายห้องแบบตกแต่งบางส่วนหรือพร้อมอยู่ วัสดุที่ใช้มีคุณภาพดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าจับตามองว่าหลังวิกฤตโควิด-19 ตลาดที่อยู่อาศัยของไทยจะมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ในรูปแบบใดเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ซื้อที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากวิกฤตโควิด-19 นี้”
ปักหมุด The House 94 แหล่งแฮงเอาต์ใหม่ ชาร์จพลังแห่งความสุขฉลองคริสต์มาส และ ปีใหม่
yesterday
Yuasa Trading (Thailand) เปิดตัว Model Home Village ย่านลาดกระบัง ชูมาตรฐาน “Japanese Quality Living” เจาะตลาดที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียม
yesterday
SCX Corporation จับมือ “Vasticity Assets” แตกไลน์ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ เปิดตัว “Smart Solar Energy Solutions” ยกระดับ Green Industrial Property ด้วยพื้นที่ติดตั้ง Solar Rooftop รวมกว่า 100,000 ตร.ม. ลดต้นทุนผู้เช่า-ตอบรับ Net Zero
yesterday
สานต่อความยิ่งใหญ่! แสนสิริ x กลุ่มมิตซุย ฟุโดซัง ลุยเปิด 2 โปรเจกต์ใหม่ มูลค่ารวม 9,500 ล้านบาท ตอกย้ำพันธมิตรแกร่ง ขับเคลื่อนอสังหาฯ ไทย
yesterday
ออริจิ้น โฮเทล เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2568 ชูอัตราดอกเบี้ยระหว่าง [6.40 - 6.80]% ต่อปี คาดเปิดจองระหว่างวันที่ 22 - 24 ธันวาคมนี้
yesterday
ชอบการเขียนลงทุนค่ะ
ขอบคุณที่คอยอัพเดทข่าวสารให้ทราบค่ะ
เขียนได้เชิญชวนซื้อมากๆ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ เขียนดี รอติดตาม
ได้ไอเดียไปแต่งห้องตัวเองหลายอย่างเลย