Home
• FPT รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2563 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,090 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 10.43 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยรายได้ประจำเติบโตร้อยละ 1.85 และกำไรจากการรับรู้รายการพิเศษการขายที่ดินและหน่วยทรัสต์ FTREIT กว่า 414 ล้านบาท ส่งผลให้ผลประกอบการโดยรวมปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
• อสังหาริมทรัพย์อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรมได้รับผลกระทบในวงจำกัด จากรายได้ค่าเช่าสม่ำเสมอและสัญญาเช่าระยะยาว
• ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของ FPT พร้อมด้วยปริมาณเงินสดจำนวนมาก และ พอร์ตการลงทุนที่สมดุล ครอบคลุมกลุ่มสินทรัพย์หลายประเภทที่สามารถสร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง
บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” ผู้นำการให้บริการแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของประเทศไทย แถลงผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563
นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย เปิดเผยว่า “ผลประกอบการไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2563 บริษัทฯมีรายได้รวม 5,090 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.43 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 7.60 หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาและเศรษฐกิจในประเทศ
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีในไตรมาสนี้ โดยมีกำไรสุทธิรวมสูงถึง 851 ล้านบาท เติบโตกว่าร้อยละ 9.42 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากรายการบันทึกกำไรขายที่ดินและเงินลงทุนมูลค่า 414 ล้านบาท ควบคู่กับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารลงได้ร้อยละ 6.75”

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท FPT เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติให้ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) จำนวนทั้งสิ้นไม่เกินร้อยละ 15 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ที่ราคาต่อหุ้น 10.60 บาท
โดยนายโสภณชี้แจงว่า “บริษัทวางแผนนำเงินเพิ่มทุนที่ได้รับไปใช้ในการลงทุนโครงการต่าง ๆ และเสริมความพร้อมสำหรับโอกาสการลงทุนต่อไป” สำหรับระยะเวลาการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนกำหนดไว้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2563กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อุตสาหกรรม รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2563 มีรายได้จำนวน 443 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาสก่อนหน้า และช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว
โดยมีการรับรู้รายได้จากการขายหน่วยทรัสต์ FTREIT และการขายที่ดินในพื้นที่อีอีซีให้กับกลุ่มไมเดีย ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติจีนชั้นนำระดับโลก ทั้งนี้บริษัทฯ มียอดพื้นที่เช่าใหม่สะสม 52,000 ตารางเมตร ณ เดือนมีนาคม 2563 ชะลอตัวจากสัญญาเช่าระยะสั้นที่หมดอายุ และข้อจำกัดการทำการตลาดภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯประเมินผลกระทบต่อลูกค้าหลัก ซึ่งเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิคส์คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 32 ของผู้เช่ายังอยู่ในวงจำกัด
สำหรับภาพรวมไตรมาสนี้ FPT สามารถรักษาอัตราพื้นที่เช่าได้ที่ร้อยละ 80 โดยพื้นที่โรงงานมีอัตราเช่าเพิ่มสูงถึงร้อยละ 76 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยเพิ่มจากอัตราเช่าร้อยละ 73 ของช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิคส์อัจฉริยะ ยาและเวชภัณฑ์ พลาสติก โลหะและเครื่องจักร ยังมีความต้องการเช่าพื้นที่เพื่อการอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย บันทึกรายได้ในไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2563 จำนวน 3,557 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา แต่ลดลงในอัตราร้อยละ 19.08 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตามสภาวะการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย ซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV และมาตรการล็อคดาวน์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า
โดยโกลเด้นแลนด์มียอดพรีเซลล์โครงการมูลค่า 7,398 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2563 จากโครงการที่ดำเนินงานอยู่ทั้งสิ้น 61 โครงการ และมีแบ็คล็อครอการโอน 2,875 ล้านบาท ทั้งนี้ โกลเด้นแลนด์ได้ชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะเดินหน้ากิจกรรมด้านการขายและการตลาดภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ มีรายได้เติบโตอยู่ที่ 248 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.08 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการเพิ่มอัตราค่าเช่าอาคารสำนักงานเกรด A ของสินทรัพย์ศักยภาพทำเลใจกลางเมือง
ทั้งนี้ สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลต่อกลุ่มธุรกิจพื้นที่เช่ารีเทลในอาคารสามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งมีจำนวนคนเดินห้างลดลงตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 กระทั่งภาครัฐได้ออกมาตรการยกระดับการป้องกันโรคระบาด อันนำไปสู่การปิดให้บริการศูนย์การค้าในเดือนเมษายน 2563 เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
โกลเด้นแลนด์ได้ดำเนินการมอบความช่วยเหลือให้แก่ผู้เช่าของศูนย์การค้าภายใต้โครงการ “มิตรช่วยมิตร” ด้วยการยกเว้นและลดค่าเช่าของร้านค้าที่ถูกปิดภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สำหรับธุรกิจโรงแรมนั้น รายได้ลดลงอยู่ที่ 113 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 21.74 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และลดลงร้อยละ 26.32 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากผลกระทบมาตรการห้ามเดินทางของภาครัฐ
"บริษัทฯ ยังคงเฝ้าระวังและติดตามผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ เราได้เตรียมพร้อมมาตรการด้านความปลอดภัยสำหรับลูกค้าและพนักงานของเรา อาทิ การคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิผู้เข้าใช้อาคารสถานที่ทุกโครงการ การพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคอย่างต่อเนื่อง และการให้บริการแอลกอฮอล์เจลฆ่าเชื้อตามบริเวณต่างๆ ตลอดจนการประกาศใช้นโยบายทำงานจากที่บ้าน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจที่จะสามารถก้าวผ่านอุปสรรคที่เผชิญอยู่ พร้อมขยายศักยภาพเพื่อเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรที่ครอบคลุมสินทรัพย์หลากหลายประเภท” นายโสภณกล่าวสรุป
ปักหมุด The House 94 แหล่งแฮงเอาต์ใหม่ ชาร์จพลังแห่งความสุขฉลองคริสต์มาส และ ปีใหม่
1 hour
Yuasa Trading (Thailand) เปิดตัว Model Home Village ย่านลาดกระบัง ชูมาตรฐาน “Japanese Quality Living” เจาะตลาดที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียม
23 minutes
SCX Corporation จับมือ “Vasticity Assets” แตกไลน์ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ เปิดตัว “Smart Solar Energy Solutions” ยกระดับ Green Industrial Property ด้วยพื้นที่ติดตั้ง Solar Rooftop รวมกว่า 100,000 ตร.ม. ลดต้นทุนผู้เช่า-ตอบรับ Net Zero
1 hour
สานต่อความยิ่งใหญ่! แสนสิริ x กลุ่มมิตซุย ฟุโดซัง ลุยเปิด 2 โปรเจกต์ใหม่ มูลค่ารวม 9,500 ล้านบาท ตอกย้ำพันธมิตรแกร่ง ขับเคลื่อนอสังหาฯ ไทย
4 hours
ออริจิ้น โฮเทล เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2568 ชูอัตราดอกเบี้ยระหว่าง [6.40 - 6.80]% ต่อปี คาดเปิดจองระหว่างวันที่ 22 - 24 ธันวาคมนี้
4 hours
ชอบในการการลงบทความที่รวดเร็วค่ะ
บอความดี ขออนุญาตแชร์ครับ
ได้ความรู้เยอะเลย
น่าสนใจมากจ้า
บทความดีครับ