ซีซีพี มองตลาดฟื้นเด้งรับแผนขับเคลื่อนเมกะโปรเจ็กต์

ซีซีพีคอนกรีต มองภาพรวมธุรกิจคอนกรีตและวัสดุก่อสร้างปี 60 มีแนวโน้มฟื้นตัวดี เดินเกมรุกต่อเนื่อง รับแผนขับเคลื่อนเมกะโปรเจ็กต์ เน้นผลิตสินค้าใหม่กลุ่มพรี แคสต์ พร้อมทุ่มงบกว่า 200 ล้าน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้า

นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีต ชลบุรี จำกัด(มหาชน) หรือ CCP เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงภาพรวมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อแนวทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม CCP ในปี 2560 ว่า แม้ว่าภาพรวมธุรกิจคอนกรีตและวัสดุก่อสร้างในปี 2559 จะไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวในช่วงต้นปี แต่ในช่วงไตรมาส 3-4 พบว่า ความต้องการใช้คอนกรีตปรับตัวเพิ่มขึ้น จากโครงการภาครัฐทยอยอนุมัติงานโครงสร้างพื้นฐานออกมาอย่างต่อเนื่อง มีการส่งงานและเป็นไปตามแผนที่ดีขึ้น แต่หากมองส่วนงานในกลุ่มภาคเอกชนยังชะลอตัว ไม่หวือหวา และน่าจะยังคงเป็นอย่างนี้จนถึงสิ้นปี

สำหรับในปี 2560 คาดว่าจะมีทิศทางดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากมีสัญญาณบวกต่างๆทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่ส่งผลดีต่อธุรกิจ อาทิ งานในแผนปฏิบัติพัฒนาตามแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC) ที่เริ่มต้นไปแล้วหลายโครงการ และจากการที่ภาครัฐมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและขับเคลื่อนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง โดยเริ่มมีโครงการต่างๆทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี อาทิ โครงการก่อสร้างถนน รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ และมอเตอร์เวย์ ฯลฯ

“สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2560บริษัทมีแผนเพิ่มปริมาณงานด้านต่างๆ ตลอดจนการขยายฐานลูกค้าของบริษัทด้วยการเข้าเสนองานและประมูลงานรูปแบบต่างๆ ทั้งโครงการภาครัฐและเอกชน ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ประมาณ 2,550 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตจะเป็นไปตามการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ คาดว่าสัดส่วนรายได้ของบริษัทปีนี้จะมาจากงานภาครัฐ 80% และงานภาคเอกชน 20%”

ขณะที่ในส่วนของงานภาคเอกชนบริษัทจะมุ่งเน้นการเปิดตลาดใหม่จาก B to B เป็น B to C มากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าและกระจายความเสี่ยง รวมทั้งขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และออกสินค้าใหม่รองรับความต้องการกลุ่มลูกค้าหลากหลาย

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการลงทุนกว่า 200 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตในโรงงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถผลิตคอนกรีตพรีคลาสได้หลากหลายรูปแบบ เพิ่มศักยภาพรองรับการใช้งานก่อสร้างด้านโครงสร้างพื้นฐานและงานก่อสร้างทั่วไป และมีกำลังการผลิตที่เพียงพอรองรับความต้องการใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้น

ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงานในมือหรือBacklog ประมาณ 2,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน แบ่งเป็นการรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 60-65% โดยบริษัทจะทยอยหางานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ฐานเศรษฐกิจ

http://www.thansettakij.com/2017/03/14/134498