
Home
วิกฤตโควิด-19 รอบที่ 3 ถือว่ามีความรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่าน และสถานการณ์ตอนนี้ยังคงน่าเป็นห่วง ซึ่งนอกจากการดูแลสุขภาพด้วยตนเองแล้ว การทำประกัน อาจเป็นอีกหนึ่งคำตอบ ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและเป็นการคุ้มครองชีวิตได้อีกขั้นหนึ่ง
ประกันแบบรับเงินก้อน
เมื่อเราตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ประกันจะทำการการจ่ายเงินก้อนที่คุ้มครองเพียงครั้งเดียว โดยจะอยู่ที่ประมาณ 50,000-100,000 บาท แต่จะมีความยุ่งยากในการดำเนินเรื่องของเอกสารต่างๆ เพราะไม่ได้หมายความว่าทางประกันจะชดเชยให้ทันที แต่ต้องมีทั้งเอกสารใบรับรองแพทย์ ผลการตรวจจากห้องแล็บ หรือเอกสารอื่นๆ ตามที่ประกันเรียกขอ ซึ่งการจะได้เงินเต็มจำนวนรึเปล่า ก็ต้องดูที่เงื่อนไขของแต่ละประกันอีกทีหนึ่ง
ขอบคุณภาพตัวอย่างแผนประกันโควิด-19 : prakun
ประกันแบบค่ารักษาพยาบาล
เมื่อต้องเข้ารับการรักษา ทางประกันจะออกค่าใช้จ่ายให้ตามจริง พวกค่าห้องค่ารักษาต่างๆ แต่จะไม่เกินที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่อยากได้ห้องที่เป็นส่วนตัว อยากรักษาที่รพ.เอกชน แต่!!! ต้องรักษากับรพ.ที่ประกันคุ้มครองไว้ ถึงจะใช้สิทธิ์ได้ทันที หากไม่ใช่เราจะต้องออกค่ารักษาไปก่อน หรือถ้ารพ.ที่กำหนดไว้เต็ม ก็สามารถขอย้ายไป Hospitel ได้เหมือนกัน แต่ก็มีแบบไม่สามารถเลือกเองได้ คือรัฐเป็นผู้เลือกให้ถึงจะเคลมประกันได้ก็มี ซึ่งบอกเลยว่าเงื่อนไขทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับแต่ละประกันที่เราเลือกซื้อ
ประกันชดเชยรายได้จากการติดโควิด-19
ส่วนใหญ่ตัวนี้มักจะพ่วงไปกับประกันในแบบที่ 1 และแบบที่ 2 ตามที่เอ่ยมาข้างต้น เพราะแน่นอนว่าเมื่อต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล เป็นผลให้ไม่สามารถทำงานจนขาดรายได้ ประกันก็จะทำการชดเชยอยู่ที่ประมาณ 14-50 วัน โดยวันละ 500-2,000 บาท แล้วแต่กำหนด นอกจากนี้ยังมีเพิ่มเติมในส่วนของโคม่าที่เกิดจากโควิด-19 มีค่ารักษาวัคซีน หรือโคม่าที่เกิดจากวัคซีน
ต้องซื้อกี่บาทซื้อได้กี่ฉบับ
บริษัทประกันมีให้เลือกค่อนข้างเยอะ แถมแต่ละบริษัทก็มีแผนรักษาให้เลือกหลายแบบอีก พอมารวมกันแล้วทำให้มีตัวเลือกในการซื้อเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว โดยเบี้ยประกันมีราคาตั้งแต่ 100-1,400 บาท ถ้าเลือกแค่ 100 บาท ก็อาจคุ้มครองแค่หลักพัน และบางประเภทของการรักษา แต่ถ้าซื้อแพงกว่านั้น ก็จะคุ้มครองได้หลากหลายกว่า ทั้งค่ารักษา ค่าชดเชย หรือรับเงินก้อน
ทั้งนี้เงินที่เคลมได้ก็ขึ้นอยู่กับเบี้ยประกันที่เลือกซื้อ โดยเราจะซื้อประกันกี่ฉบับก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เบี้ยประกันตัวเดิม เพราะส่วนใหญ่จะกำหนดให้แค่ 1 คนต่อ 1 ฉบับ สำหรับเบี้ยประกันนั้นๆ หรือบางทีก็จะกำหนดว่าผู้ซื้อสามารถเอาเงินประกันสูงสุดได้ไม่เกินกี่บาท เมื่อรวมทุกแผนประกันแล้วนะ
เลือกแบบไหนได้ประโยชน์สูงสุด
ให้ยกตัวเองเป็นที่ตั้งก่อนอันดับแรก ดูว่าต้องไปในสถานที่ที่มีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน รวมถึงดูงบประมาณในกระเป๋า ถ้าคิดว่าตัวเองอยู่ในที่เสี่ยงต้องเจอผู้คนบ่อยๆ เป็นจำนวนมาก ก็เลือกเบี้ยประกันที่คุ้มครองได้สูง และถ้ามีงบเหลือก็อาจจะซื้อเพิ่มเป็น 2 ฉบับ เพื่อให้คุ้มครองได้ครอบคลุม แต่ว่าหากใครมีประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ ที่คุ้มครองโรคนี้อยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่ม
ข้อควรระวังอย่างยิ่ง
เกือบทุกประกันคือจะไม่ได้คุ้มครองทันทีที่ซื้อ แต่ต้องรอหลัง 14 วัน คือจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อวันที่ 15 ไปแล้ว และส่วนใหญ่จะคุ้มครองแค่ประมาณ 1 ปี แต่อย่าทำเด็ดขาดกับการซื้อประกันไว้หลายฉบับ และพาตัวเองไปที่เสี่ยงเพื่อจะเอาเงินประกัน บอกเลยว่าไม่คุ้มเพราะไม่ใช่แค่ติดโรคอย่างเดียวแต่อาจติดคุกด้วย อยากให้นึกถึงความปลอดภัยเป็นหลัก
ไม่ว่าจะเราจะซื้อประกันกี่บาท อย่าเพิ่งเห็นแค่ราคาและความคุ้มครองก็กดซื้อทันที เพราะยังมีหมายเหตุและเงื่อนไขต่างๆ ที่มีรายละเอียดเจาะลึกลงไปกว่านั้น ให้เราได้ศึกษาก่อนตัดสินใจจริงๆ จำไว้เสมอว่าต้องอ่านทุกอย่างให้ละเอียดถี่ถ้วน แล้วจะเวิร์กกับตัวคุณมากที่สุด
เช็กให้ดี! ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ครึ่งปีหลัง 2567 อยู่แล้วดี พร้อมรับทรัพย์
2024-07-31
8 เรื่องห้ามพลาด!! ก่อนปล่อยเช่าคอนโด ต้องรู้อะไรบ้าง
2022-03-16
ตัวอย่าง บริษัทอสังหาฯชั้นนำ ขายบิ๊กล็อตคอนโด
2024-08-06
เลือกผู้รับเหมายังไง? ให้ได้บ้านสวยตรงปก ไม่ทิ้งงาน
2025-02-21
สรุปตลาดที่อยู่อาศัย กรุงเทพฯ-ปริมณฑล เปิดใหม่ ประจำเดือนมีนาคม 2566
2023-05-15
เหนือ Developer ก็มี Blogger นี่แหล่ะค่ะ ทำให้เราเข้าใจอะไรมากขึ้น ขอบคุณค่ะ
รอติดตามเธออยู่นะจ๊ะ
บทความดีๆ ก็ที่นี่หล่ะนะ
ขอบคุณความรู้ดีดีมากครับ
อ่านแล้วอยากมีคอนโดเป็นของตัวเองเลยค่ะ
แจ่มเลยค่ะ รีวิวได้ครบถ้วน