Knowledge
icon share

ตัวตนที่หายไป

Salaryman Estator 2016-09-26 11:02:30
ตัวตนที่หายไป

 

 

ตัวตนที่หายไป

 

 

คุณเคยรู้สึกรึเปล่าว่าตัวเราไม่เหมือนเดิม? ตัวเราที่เป็นทุกวันนี้ เหมือนไม่ใช่ตัวเราอย่างที่เราเคยเป็นเมื่อ 10 ปีก่อน

 

 

คำถามคืออะไรที่เปลี่ยนไป และการเปลี่ยนแปลงนี้มันดีหรือไม่ดี?

 

 

โดยส่วนตัวผมมีความเชื่อว่า คนเราทุกคนมี "ตัวตน" เป็นลำดับขั้น การกระทำทุกอย่าง ไม่ว่าเราจะทำอะไร ล้วนแล้วแต่เกิดจากความคิด และความคิดนั้นลึกๆ แล้วเป็นผลผลิตจากความเชื่ออีกทอดนึง  ถ้าเราตัดสินใจไปวิ่งทุกวันเพราะเรา "คิด" ว่าเราอยากไปวิ่ง และที่เราคิดว่าเราอยากไปวิ่งเพราะเรา "เชื่อ" ว่าการออกกำลังกายจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น

 

 

ตัวอย่างข้างบนอาจจะกว้างไปนิด ผมขอยกอีกตัวอย่างนึง คุณรู้ไหม๊ว่าทำไมคนจีนถึงดื่มแต่น้ำร้อน? ขนาดชานมไข่มุกถ้าไม่สั่งเย็นคุณจะได้ชานมไข่มุกร้อนมา เพราะคนจีนส่วนใหญ่คิดว่าคนเราควรกินน้ำเย็นแต่พอดี และความคิดนั้นมาจากความเชื่อที่ว่าการกินน้ำร้อนจะทำให้เลือดไหลเวียนดีและสุขภาพดี ต่างกับน้ำเย็นที่เย็นกว่าอุณหภูมิร่างกายทำให้ร่างกายต้องทำงานหนัก (ถ้าเป็นจริง ร่างกายคนไทยต้องทำงานหนักมาก)

 

 

ความเป็น"ตัวตน"ที่อยู่ในตัวเรา ยิ่งระดับลึกๆ จะยิ่งเปลี่ยนยากขึ้น การกระทำเป็น"ตัวตน"ระดับบนสุด เปลี่ยนง่ายมาก ถ้าเราอยากเปลี่ยนไม่ไปออกกำลังกาย เราก็แค่เลือกเปิดเว็บโปรโมชั่นบุฟเฟ่นานาชาติแทน เปิดไปเปิดมาไม่นานเราจะชวนแฟนไปกิน แทนที่จะออกกำลังกาย

 

 

ถ้าเราอยากเปลี่ยนความคิด อันนี้เริ่มไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ถ้าเราอยากเลิกคิดว่าการลงทุนมันเป็นเรื่องยาก เราก็ต้องหาหนังสือมาอ่านเพิ่ม คุยกับคนที่ประสบความสำเร็จ ความคิดของเราจะค่อยๆ เปลี่ยนไปเอง บางครั้งแค่เรานอนตื่นขึ้นมาความคิดเราก็ไม่เหมือนกับเมื่อวานก่อนนอนแล้ว

 

 

ถ้าเราอยากเปลี่ยนแปลงความเชื่อ อันนี้ไม่หมูเลย ยากมาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้แค่ต้องใช้เวลา ถ้าเราอยากเชื่อมั่นว่าเราจะประสบความสำเร็จได้แน่นอน เราต้องใช้เวลาพอสมควรในการเรียนรู้ ในการฟัง ในการพูดคุยแลกเปลี่ยน และที่สำคัญคือในการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ชีวิตของตัวเอง มันจะทำให้ความเชื่อเปลี่ยนไปได้ในที่สุด  แต่ลึกกว่านั้น ความเชื่อก็ยังไม่ใช่"ตัวตน"ระดับลึกที่สุด ตัวตนระดับที่ลึกลงไปกว่าความเชื่อคือ "จิตวิญญาณ"

 

 

สำหรับผมแล้วจิตวิญญาณคือตัวตนที่แท้จริงของคนเรา จิตวิญญาณคือสิ่งที่อยู่ในตัวเราลึกๆ ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม หลายๆ คนมีจิตวิญญาณของการรักอิสระ บางคนมีจิตวิญญาณการชอบช่วยเหลือคนอื่น จิตวิญญาณคือตัวตนจริง และจะไม่สามารถเปลี่ยนมันได้ ยังไงมันก็จะยังคงอยู่ในตัวเราเสมอ

 

 

สิ่งที่ผมสังเกตเห็นก็คือ เมื่อเรายังเด็กเราทำตามใจเราอย่างเต็มที่ เราทำตามสัญชาติญาณ และนั่นคือเราทำตาม"ตัวตนระดับจิตวิญญาณ" ของตัวเอง และเราจะไม่เคยรู้สึกอึดอัดกับการกระทำของตัวเองเลย  แต่พอเราโตขึ้น เข้าสู่วัยทำงาน เข้าสู่วัยที่ต้องมีความรับผิดชอบ ดิ้นรนแก้ไขปัญหาต่างๆ มากขึ้น ประสบการณ์ชีวิตที่เราเจอซ้ำไปซ้ำมาหล่อหลอมความเชื่อบางอย่างขึ้นมาโดยเราไม่รู้ตัว เช่นคนบางคนเจอเรื่องแย่ๆ ถาโถมเข้ามาในเวลาติดๆ กัน ทำให้เกิดความเชื่อที่ว่า"โลกมันแย่ เราต้องคอยระวังเสมอ"

 

 

ไคลแม็กซ์มันมาอยู่ตรงที่ว่า แล้วถ้าความเชื่อที่เรียนรู้มาจากประสบการณ์ใหม่มันดันขัดกับตัวตนที่แท้จริง(จิตวิญญาณ) หละ?

 

 

ถ้าคนที่เชื่อว่า"โลกมันแย่" ดันมีจิตวิญญาณการมองโลกในแง่ดี มันจะสับสน เราอาจทำตัวตามความเชื่อ แต่ทำไปเรื่อยๆ จะรู้สึกอึดอัดในตัวเองอย่างบอกไม่ถูก และก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมอึดอัด เพราะถ้าว่ากันตามความเชื่อ เราน่าจะทำถูกแล้ว อารมประมาณสับสนในตัวเอง ไม่มีความสุข แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่มีความสุข  เชื่อ ที่ขัดกับตัวตนที่แท้จริงของเรานี่เอง เป็นต้นเหตุของ "ตัวตนที่หายไป"

 

 

หลายๆ คนมีตัวตนดั้งเดิมที่ดีอยู่แล้วนะครับ บางคน positive thinking บางคนเชื่อมั่นในตัวเอง บางคนมีความสุขที่ได้ช่วยคนรอบตัว มันจะน่าเสียดายมากถ้าเราปล่อยให้ตัวตนดีๆ ที่เรามีตั้งแต่เด็กพวกนี้หายไป ตัวตนพวกนี้ไม่ใช่หรอครับที่ทำให้เราเติบโตมาถึงทุกวันนี้ ที่ทำให้เรามีความสุขมาตลอด?

 

 

ผมอยากชวนให้ทุกคนลองมองย้อนกลับไป กลับไปดึงตัวตนที่แท้จริงของเรากลับมา "เป็นเราแบบที่เราเป็น" คิดให้น้อยลง เป็นตัวเองให้มากขึ้น อย่าให้ความเชื่อใหม่ๆ มาทำให้ตัวตนที่แท้จริงของเราหายไป ให้จิตวิญญาณเดิมของเราเป็นฐาน แล้วสร้างยอดขึ้นไปอย่างมั่นคงด้วยการเรียนรู้ประสบการณ์ สร้างเสริมความเชื่อดีๆ

 

 

ลองดูนะครับ ผมเชื่อว่าคนเราไม่สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้โดยการเป็นคนอื่น คนทุกคนมีจุดเด่นในความเป็นตัวเองอยู่แล้ว ดึงตัวตนที่แท้จริง ดึงหัวใจเด็กกลับมา สร้างเสริมหัวใจเด็กด้วยประสบการณ์อันโชกโชน  Focus ไปที่การเป็นตัวเองในระดับจิตวิญญาณ(สำคัญมากๆ) และหมั่นสร้างสมความเชื่อที่ดีด้วยการเรียนรู้เพิ่มเติมด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะอ่านหนังสือหรือจากประสบการณ์ชีวิต พาตัวเองไปอยู่ในกลุ่มที่มีความเชื่อที่เราอยากมี ไม่ต้องไปใส่ใจกับตัวตนระดับความคิดและการกระทำมากนัก เพราะความเชื่อและจิตวิญญาณจะนำพาเราไปเอง

 

 

ทำได้แบบนี้แล้ว ความสำเร็จพร้อมความสบาย "ในแบบของเรา"คงอยู่ไม่ไกล

 

 

Have a Nice Day ครับ

 

 

Salaryman Estator

 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

Article Other

livinginsider livinginsider