
Home
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “AI” ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเรามากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เว้นแม้แต่ในแวดวงธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงอสังหาฯ ที่นำเทคโนโลยีอัจฉริยะนี้มาใช้ตั้งแต่ขั้นวางแผนพัฒนาโครงการไปจนถึงการปิดดีลขาย วันนี้เราจะพาไปดูว่า AI เข้ามามีบทบาทในแต่ละขั้นของวงการอสังหาฯ ยังไงบ้าง? และช่วยเปลี่ยนเกมให้กับธุรกิจได้แค่ไหน?
AI กับการพัฒนาโครงการอสังหาฯ
การใช้ AI ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค
นอกจากการประมวลผลข้อมูลแล้ว AI ยังช่วยให้เราเข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งวันนี้ดีเวลอปเปอร์หลายค่ายก็ได้นำ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าทั้งจากการค้นหาบนเว็บไซต์ การกดดูห้องตัวอย่างในแพลตฟอร์มออนไลน์ ไปจนถึงการให้คะแนนหรือคอมเมนต์ต่าง ๆ บนโซเชียล
ข้อมูลเหล่านี้กลายเป็นเบาะแสสำคัญที่ AI นำมาวิเคราะห์เพื่อดึงอินไซต์ออกมา เช่น ลูกค้ากลุ่มแรกชอบบ้านที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ กลุ่มที่ 2 ให้ความสำคัญกับครัวปิดมากกว่าครัวเปิด และกลุ่มที่ 3 ต้องการที่อยู่อาศัยรักษ์โลก เป็นต้น ดีเวลอปเปอร์จึงสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ไปออกแบบโครงการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด
การใช้ AI ประมาณการต้นทุนก่อสร้าง
ดีเวลอปเปอร์สามารถใช้ AI เข้ามาช่วยประมาณการต้นทุนก่อสร้างได้อย่างแม่นยำ โดยระบบจะดึงข้อมูลจากหลายแหล่ง ทั้งราคาวัสดุก่อสร้าง ค่าแรง ราคาน้ำมัน (การขนส่ง) ข้อมูลซัพพลายเชน รวมถึงรายละเอียดของโครงการที่ผ่านมาที่มีลักษณะคล้ายกัน
โดย AI จะวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดเพื่อประเมินภาพรวมว่าโครงการควรใช้งบประมาณเท่าไหร่ พร้อมทั้งสามารถรันโมเดลจำลองเปรียบเทียบทางเลือกต่าง ๆ ได้ทันที เช่น ถ้าปรับลำดับการทำงานของบางเฟสให้เหมาะสมยิ่งขึ้น หรือเลือกใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างที่ช่วยลดเวลาโดยไม่กระทบคุณภาพ จะสามารถลดต้นทุนได้มากแค่ไหน
นอกจากนี้ ยังช่วยคาดการณ์ความเสี่ยงที่อาจทำให้ต้นทุนบานปลาย เช่น ปัญหาด้านแรงงาน ข้อจำกัดทางโลจิสติกส์ หรือความล่าช้าในการส่งมอบวัสดุ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ดีเวลอปเปอร์สามารถวางแผนได้รอบคอบและมีประสิทธิภาพมากขึ้นตั้งแต่ต้น
ใช้ Generative AI ในการออกแบบบ้าน-คอนโด
Generative AI กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสถาปนิกและดีไซเนอร์ออกแบบบ้านและคอนโดได้รวดเร็วและตอบโจทย์มากขึ้น โดยสามารถป้อนโจทย์ลงไป แล้ว AI จะสร้างแบบบ้านหรือคอนโดออกมาให้เลือก
ซึ่งแต่ละแบบจะแตกต่างกันไป ทั้งเรื่องการแบ่งสเปซ การจัดวางฟังก์ชัน การรับแสงธรรมชาติ ไปจนถึงบรรยากาศโดยรวม ทำให้สามารถเปรียบเทียบและเลือกแบบที่ตอบโจทย์ที่สุด ก่อนจะนำไปพัฒนาจริงต่อไป
ที่สำคัญ AI ยังสามารถเรียนรู้จากโปรเจกต์ก่อนหน้า เพื่อช่วยปรับแบบบ้านและคอนโดให้ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละเซกเมนต์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า AI จะมาแทนที่สถาปนิกและดีไซเนอร์ เพียงแต่เข้ามาเป็นตัวช่วยในการออกแบบเท่านั้น
AI กับการทำการตลาดอสังหาฯ
ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์
นอกจาก AI จะรู้ว่าส่วนใหญ่แล้วลูกค้าติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางไหน และใช้เวลาอยู่ในหน้าโครงการนานเท่าไหร่ AI ยังสามารถเจาะลึกได้ว่า ลูกค้าสนใจโครงการประเภทใด ขนาดพื้นที่เท่าไหร่ อยู่ในระดับราคาไหน หรือชอบดูฟังก์ชันอะไรเป็นพิเศษ แล้วช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า เพื่อให้ทีมการตลาดนำไปต่อยอดได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาไล่ดูข้อมูลดิบเอง
นอกจากนี้ AI ยังช่วยเปรียบเทียบพฤติกรรมของคนที่เข้าชมเว็บไซต์กับข้อมูลจากโครงการเก่า ๆ เพื่อดูแนวโน้มความสนใจได้ล่วงหน้า เช่น คนที่เข้ามาดูบ่อย ๆ มีโอกาสลงทะเบียนหรือซื้อจริงแค่ไหน สนใจยูนิตแบบไหนเป็นพิเศษ หรือมีพฤติกรรมคล้ายกับลูกค้าที่เคยตัดสินใจซื้อหรือเปล่า ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้รู้ว่าควรเน้นขายอะไร และวางแผนสื่อสารกับลูกค้าได้แม่นยำยิ่งขึ้น
ใช้ AI ช่วยคิดแคมเปญการตลาด
การวางแผนแคมเปญการตลาดไม่ใช่แค่เรื่องครีเอตไอเดียให้ปัง แต่ต้องเริ่มจากการเข้าใจลูกค้าให้ลึกซึ้งก่อน ซึ่งตรงนี้ AI จะทำการดึงข้อมูลจากพฤติกรรมผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์ การตอบกลับในโซเชียล หรือแม้แต่เทรนด์ของแคมเปญที่เคยประสบความสำเร็จในโครงการอื่น ๆ
จากนั้น AI จะช่วยวิเคราะห์ว่าควรสื่อสารอะไร กับใคร และเมื่อไหร่ เช่น ถ้ากลุ่มเป้าหมายเป็นครอบครัวที่มองหาบ้านหลังแรก AI อาจแนะนำโปรโมชันอย่าง “ฟรีเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลัง”, “อยู่ฟรี 1 ปีไม่ต้องผ่อน” รวมถึง “ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน” มากกว่าการแจกทองหรือ cash back
เพราะการซื้อบ้านมีค่าใช้จ่ายจิปาถะเยอะมาก โดยเฉพาะวันโอนที่ต้องจ่ายทั้งค่าธรรมเนียม และค่าดำเนินการต่าง ๆ การลดภาระเหล่านี้ให้ตั้งแต่แรกจึงตอบโจทย์มากกว่า และช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ใช้ AI ช่วยยิงโฆษณาออนไลน์
เวลาจะยิงโฆษณาออนไลน์ เราอาจคุ้นชินวิธีเดิม ๆ ที่เลือกกลุ่มเป้าหมายตามอายุ พื้นที่ ความสนใจ แล้วกดบูสต์โพสต์ แต่ในยุคที่ข้อมูลมหาศาลและการแข่งขันสูงขึ้น AI เข้ามาช่วยให้การยิงโฆษณามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โดย AI ไม่ได้แค่ช่วยเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับโปรดักส์ แต่ยังเข้าใจพฤติกรรมของคนที่น่าจะซื้อจริง เช่น คนที่คลิกดูแปลนห้องหลายรอบ กดเซฟหน้าโครงการไว้ หรือแชร์ให้คนในครอบครัวดู ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเขากำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ ระบบจะค่อย ๆ เรียนรู้พฤติกรรมเหล่านี้ แล้วเอาไปหาคนอื่นที่คล้ายกัน เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพ
ยิ่งไปกว่านั้น AI ยังสามารถรันแอดหลายเวอร์ชันในเวลาเดียวกัน เช่น ลองใช้รูปแบบข้อความ รูปภาพ หรือโปรโมชันที่ต่างกัน แล้วดูว่าแบบไหนคนสนใจมากที่สุด จากนั้นจึงจัดงบให้แคมเปญที่นั้นแบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเสียเวลาทดลองเองทีละแบบ
AI กับการเป็นเครื่องมือของทีมเซลส์
แชทบอทอัจฉริยะที่คุยกับลูกค้าแทนเซลส์ 24 ชม.
ลองนึกภาพว่าลูกค้าเข้ามาสอบถามข้อมูลคอนโดที่คุณขายในช่วงดึก หรือในวันหยุด แทนที่จะต้องรอให้เซลส์ตอบกลับในเวลาทำการ แชทบอทอัจฉริยะสามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นราคาบ้านคอนโด ฟังก์ชัน หรือข้อมูลโครงการที่ลูกค้าสนใจ
อย่างไรก็ตาม บางคำถามที่เฉพาะเจาะจงหรือซับซ้อน แชทบอทอาจจะไม่สามารถตอบได้ในทันที หรืออาจจะตอบได้ไม่ตรงกับที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งขึ้นอยู่กับการตั้งค่าข้อมูลและคำตอบที่ทีมงานได้ป้อนให้แชทบอท แต่ทีมงานสามารถพัฒนาแชทบอทให้ตอบคำถามได้ครอบคลุมและลึกขึ้น เพื่อให้แชทบอทสามารถช่วยลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต
ใช้ AI วิเคราะห์โอกาสในการปิดการขาย
AI สามารถช่วยทีมเซลส์ประเมินว่าลูกค้าคนไหนมีแนวโน้มจะตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดเร็วที่สุด โดยการวิเคราะห์พฤติกรรมต่าง ๆ เช่น จำนวนครั้งการเข้าชมเว็บไซต์ ระยะเวลาในการดูรายละเอียดของโครงการ หรือการตอบรับต่อข้อเสนอจากเซลส์ AI จะทำการประมวลผลข้อมูลเหล่านี้เพื่อคาดการณ์โอกาสที่ลูกค้าคนนั้นจะปิดการขายในอนาคต
ยิ่งไปกว่านั้น AI ยังสามารถให้คำแนะนำในเวลาที่เหมาะสมในการติดต่อกับลูกค้า เช่น เมื่อไหร่ที่ควรติดตาม หรือควรเสนอโปรโมชันพิเศษ เช่น การลดราคา หรือข้อเสนอที่เฉพาะเจาะจงเพื่อดึงดูดลูกค้าให้ตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น โดยไม่ต้องรอให้ลูกค้าเริ่มต้นถามหรือแสดงความสนใจเอง
การใช้ AI ในการคาดการณ์แบบนี้ช่วยให้ทีมเซลส์สามารถโฟกัสและใช้เวลามากขึ้นกับลูกค้าที่มีโอกาสสูงในการตัดสินใจซื้อ ทำให้การปิดการขายมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายที่ดีขึ้นด้วย
AI กับบริการหลังการขาย
ใช้ AI ช่วยจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM)
การรักษาความสัมพันธ์หลังการขายเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะแม้ว่าลูกค้าซื้อบ้านหรือคอนโดไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจและเป็นตัวเชื่อมสำคัญในการแนะนำโครงการต่อเพื่อนหรือคนในครอบครัว รวมถึงอาจกลับมาซื้อโครงการในอนาคต
นอกจากการใช้ทีมงาน CRM ในการดูแลลูกค้าแล้ว ยังสามารถนำ AI เข้ามาเป็นตัวช่วยได้ด้วย โดย AI จะติดตามความพึงพอใจของลูกค้าผ่านข้อมูลที่ได้จากช่องทางต่าง ๆ จากนั้นก็นำข้อมูลไปวิเคราะห์เพื่อแนะนำการติดต่อที่เหมาะสม เช่น ส่งข้อความขอบคุณหลังการโอนบ้าน หรือแจ้งโปรโมชันพิเศษสำหรับการซ่อมแซม
นอกจากนี้ AI ยังช่วยให้การจัดการระบบติดตามบริการลูกค้าเป็นระเบียบและไม่มีหลุด ทำให้ลูกค้าได้รับการดูแลดีและไม่มีปัญหาค้างคา ส่งผลให้ทีม CRM ให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่พลาดการดูแลลูกค้าในแต่ละขั้นตอน
ใช้ AI วิเคราะห์ความพึงพอใจลูกค้า และโอกาสในการ Upsell
AI ไม่เพียงวิเคราะห์ความพึงพอใจของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มยอดขายหลังจากการปิดการขายไปแล้ว โดยการใช้ข้อมูลจากการใช้งานจริงและพฤติกรรมของลูกค้าหลังการซื้อ เช่น การสอบถามความพึงพอใจหลังการย้ายเข้า การใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ หรือการรับรู้ถึงปัญหาที่ลูกค้าอาจพบในระหว่างการอยู่ในโครงการ
เมื่อ AI ได้ข้อมูลเหล่านี้แล้ว ก็สามารถแนะนำโอกาสในการ Upsell ที่เหมาะสม เช่น การแนะนำฟังก์ชันเสริมที่ลูกค้าอาจสนใจหลังจากเห็นว่าลูกค้าใช้งานสิ่งต่าง ๆ ภายในบ้านหรือคอนโดแล้ว
โดยที่การนำเสนอจะเกิดขึ้นหลังจากการปิดการขายแล้ว และไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกว่าลูกค้ากำลังถูกกดดันในการตัดสินใจซื้อเพิ่มเติม แต่เป็นการเสนอตัวเลือกที่สามารถเพิ่มความสะดวกสบายและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในระยะยาว
การใช้ AI ในวงการอสังหาฯ ตั้งแต่พัฒนาโครงการ ไปจนถึงการปิดดีลขาย ช่วยลดระยะเวลาการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม AI ยังมีข้อจำกัดในบางขั้นตอนที่ต้องอาศัยความเข้าใจเชิงลึกและการตัดสินใจจากมนุษย์ ทำให้การทำงานร่วมกันระหว่าง AI และทีมงานมืออาชีพยังคงเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ
บทความที่เกี่ยวข้อง
5 นวัตกรรมไฮเทค ให้คอนโดเจ๋งขึ้นเยอะ
8 อุปกรณ์อัจฉริยะ ช่วยให้ชีวิตสบายขึ้นเยอะ
นวัตกรรมเทคโนโลยีออกแบบบ้าน-คอนโด ช่วยลดความเสียหายจากภัยพิบัติ
ดีไซน์เว็บสวยดีค่ะ ดูง่าย ชอบมาก
ใส่ใจรายละเอียดของข้อมูลดีมากค่ะ
ดีมากๆเลยค่ะ ลงบ่อยๆนะคะ
บทความดีมากครับ