
Home
พีดีเฮ้าส์ มองสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ กระทบเศรษฐกิจและตลาดรับสร้างบ้าน รับสภาพยอดขายบ้านปีนี้คาดต่ำกว่าเป้า 1.2 พันล้านบาท เผยกลยุทธ์ปรับตัวหันควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย พร้อมรีดีไซน์-โปร์ดักส์แบบบ้านและระบบก่อสร้าง ช่วยลดต้นทุนและราคาบ้านลง 7% ตั้งเป้าชิงแชร์ตลาดบ้านกลุ่มใหญ่ราคา 1.5-3 ล้านบาท ชี้เศรษฐกิจปี 59 ไม่เป็นใจขยายสาขา คาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้าแค่ทรงตัว
นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักติดต่อกันในหลายๆ พื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ส่งผลให้บ้านเรือนถูกน้ำท่วมขังและประชาชนต่างได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ถนนหนทางทั้งในเมืองและชนบทก็ถูกน้ำท่วมเช่นกัน เส้นทางสัญจรหลายแห่งถูกตัดขาด ทำให้การขนส่งและเดินทางยากลำบาก กลายเป็นอุปสรรคต่อการค้าและบริการ ซึ่งคาดว่าจะส่งกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของภาคใต้ในช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้พอสมควร
ในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านภาคใต้และยอดขายบ้านของบริษัทฯ ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ถือว่ามีการฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่ยังชะลอตัวหรือแค่ทรงตัว เหตุผลสำคัญเป็นเพราะผู้บริโภคในภาคใต้ ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ บริการ และความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการมากกว่าเรื่องราคา ธุรกิจรับสร้างบ้านจึงมีการแข่งขันไม่รุนแรงนัก อย่างไรก็ดี ในช่วงท้ายปีนี้ต้องยอมรับว่ากำลังซื้อผู้บริโภคบางส่วนสะดุดลง ด้วยเพราะอารมณ์จับจ่ายใช้สอยและการลงทุนเรื่องบ้านหรือที่อยู่อาศัยชะลอตัว กอปรกับสถานการณ์น้ำท่วมที่กำลังเกิดขึ้น จึงคาดว่าจะทำให้ยอดขายบ้านของบริษัทฯ ในภาคใต้ลดลงพอสมควร และอาจฉุดให้ตัวเลขยอดขายบ้านทั่วประเทศของบริษัทฯ มีโอกาสต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1.2 พันล้านบาท
“สำหรับ กลยุทธ์และการปรับตัวเพื่อรับมือกับสภาพเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ บริษัทฯ ได้หันมาเน้นควบคุมต้นทุนค่าบริหารและใช้จ่ายต่างๆ ลง อาทิเช่น ชะลอเปิดสาขาใหม่และลดจำนวนสาขาที่อยู่ใกล้กันหรือสาขาที่มียอดขายน้อย การใช้แอพพลิเคชั่นนำเสนอแบบบ้านแทนโบชัวร์หรือสิ่งพิมพ์ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีการปรับแบบบ้านและลดวัสดุฟุ่มเฟือยที่ใช้สร้างบ้าน (Re-Product) แต่ยังคงทันสมัยไว้เหมือนเดิม เพื่อลดต้นทุนก่อสร้างบ้านให้สอดคล้องกับกำลังซื้อ และความต้องการของผู้บริโภคในสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งหันมาใช้ระบบบ้านโครงสร้างเหล็ก เพื่อสามารถก่อสร้างได้รวดเร็ว ทั้งนี้จากการปรับตัวและดำเนินการดังกล่าว ทำให้ราคาค่าก่อสร้างบ้านลดลงจากเดิมเฉลี่ย 3-7% หรือราคาบ้านเริ่มต้นที่ 15,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของบริษัทฯ ที่จะเข้าถึงกำลังซื้อกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มราคาบ้าน 1.5-3 ล้านบาท ที่ผู้บริโภคมีความต้องการมากที่สุด และกลุ่มราคาบ้าน 3 ล้านบาทขึ้นไป-5 ล้านบาท ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภครองลงมา คิดเป็นสัดส่วนรวมกันมากกว่า 60% ของมูลค่ารวมตลาดบ้านสร้างเอง”
( บ้านเหล็กชั้นเดียว )
( บ้านที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท )
( บ้านที่มีราคา 3-5 ล้านบาท )
นายพิศาล กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้บริษัทฯ มีแผนขยายสาขา 1-2 แห่ง แต่ด้วยเพราะเศรษฐกิจในภูมิภาคหรือต่างจังหวัดยังไม่ฟื้นตัวดังที่คาดไว้ ดังนั้นจึงได้ชะลอการขยายสาขาใหม่ออกไปก่อน เพราะไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงเกินไป สำหรับแผนการขยายสาขาในปีหน้า คงต้องรอดูแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศและเศรษฐกิจโลกอีกครั้งว่าจะเป็นไปในทิศทางใด โดยส่วนตัวมองว่าเศรษฐกิจปี 2560 น่าจะไม่ขยายตัวหรือแค่ทรงตัว
ออริจิ้น-บริทาเนีย จัดงาน “ORIGIN MID YEAR FIN” ขนทัพบ้าน-คอนโด 30 โครงการ มอบส่วนลดสูงสุด 3 ล้านบาท* ณ Central EastVille วันที่ 26 มิ.ย. - 2 ก.ค. นี้!
4 hours
เอพี ไทยแลนด์ เผยโฉม “ASPIRE สุขุมวิท - พระราม 4” คอนโดพร้อมอยู่ ชูจุดเด่นห้องไซซ์ใหญ่ วิวแม่น้ำ ใจกลางซิตี้โซน เริ่ม 3.79 ล้าน*
yesterday
ศุภาลัย ไอคอน สาทร ผนึก IWG เปิดตัว “Regus” พื้นที่สำนักงานให้เช่าแบบ Flexible Workspace ครบวงจร
yesterday
NEPS ผนึกกำลัง HUAWEI และ LONGi เปิดตัว “SOLAR SOLUTIONS by NEPS” ครั้งแรกที่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค
yesterday
โคปาคาบาน่า กรุ๊ป เปิดตัว “โคปาคาบาน่า คอรัล รีฟ จอมเทียน พัทยา” คอนโดหรูพร้อม Concierge Service 24 ชม. มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท
yesterday
ใช้ภาษาเข้าใจง่ายดีค่ะ
ให้ข้อมูลดี เอาไว้ศึกษาดีค่ะ
รีวิวดี ภาพชัดเจน
ชอบๆ มีสาระประโยชน์มากค่ะ
well