
Home
นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. วานนี้ (7 ธ.ค.) ว่า บอร์ด รฟม. ได้พิจารณาแนวทางการแก้ปัญหา กรณีที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ไม่มีงบประมาณสำหรับรับโอนทรัพย์สินและชำระหนี้สิน โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วง หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จาก รฟม. รวมมูลค่า 60,8914.54 ล้านบาท
ระยะสั้น รฟม. วางแผนว่าจะเสนอให้ กทม. เช่ารางจาก รฟม. เพื่อให้สามารถเปิดเดินรถช่วงแบริ่ง-สำโรง 1 สถานีภายใน มี.ค. 2560 แต่สุดท้ายหากเกิดปัญหาจนไม่สามารถโอนโครงการให้ กทม. ตามมติของคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ได้ ทาง รฟม. ก็พร้อมจะเดินรถเอง โดยจะพิจารณาข้อกฎหมายและเจรจาว่าจ้างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี โดยตรง
ทั้งนี้จะมีการหารือประเด็นดังกล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการประเมินมูลค่าหนี้สิน และการโอนหนี้สินและทรัพย์สินระหว่างกัน โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว แบริ่ง-สมุทรปราการ สัปดาห์หน้าและต้องเสนอให้ คจร. พิจารณาชี้ขาดอีกครั้ง
“สุดท้าย คจร.จะต้องชี้ขาด โดยกระทรวงคมนาคมจะต้องทำความเห็นประกอบว่าจะให้เดินหน้าอย่างไร อย่างไรก็ตาม รฟม. พร้อมจะบริหารจัดการและเข้าใจว่า รฟม. สามารถจ้างบีทีเอสเดินรถได้ โดยต้องดูกระบวนการตามพีพีพีอีกครั้ง เพราะในที่สุดคงหนีไม่พ้นต้องจ้างบีทีเอสมาเดินรถ เพราะเขาได้ลงทุนงานระบบไปแล้ว” นายพีระยุทธ กล่าว
คาดปมสายสีน้ำเงินได้ข้อยุติเดือนนี้
นายพีระยุทธ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้เสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเรื่องการให้ รฟม. ว่าจ้างบริษัท ทางด่วนรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็มเข้ามาติดตั้งระบบและเดินรถ1สถานี ช่วงระหว่างสถานีเตาปูน-สถานีบางซื่อ ในระหว่างที่ รฟม. และบีเอ็มอียังเจรจาเรื่องการเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแคและบางซื่อ-ท่าพระ ไม่ได้ข้อยุติ
เบื้องต้นคาดว่า กระทรวงคมนาคมจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เห็นชอบได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้ จากนั้นจะเสนอขออนุมัติ บอร์ดรฟม. เพื่อดำเนินการว่าจ้างภายในเดือน ม.ค. 2560 โดยบีอีเอ็มจะใช้ระยะเวลาในการติดตั้งระบบการเดินรถประมาณ6เดือนและทดสอบอีกไม่เกิน 2 เดือน คาดว่าจะเปิดเดินรถเชื่อมต่อ 1 สถานีดังกล่าวได้ภายในเดือน ส.ค.นี้ โดยวงเงินว่าจ้างบีอีเอ็มระบบเดินรถ1สถานีมีมูลค่า693ล้านบาท และค่าจ้างเดินรถปีละ 52 ล้านบาท รวมระยะเวลา 2 ปี
ส่วนการเจรจาว่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินทั้งหมดจะต้องได้ข้อสรุปภายในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ จากนั้นต้องจัดทำข้อสรุปร่างสัญญาสัมปทานส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุด และสรุปรายละเอียดข้อเสนอเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาคาดว่าจะเสนอ ครม. เพื่อขออนุมัติภายใน ก.พ. 2560 ระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ3ปีระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี จะสิ้นสุดในปี 2592
เปิดซองด้านเทคนิคสายสีส้มพรุ่งนี้
นายพีระยุทธ กล่าวต่อว่า การประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรีจำนวน6สัญญามูลค่ารวม76,724ล้านบาท จะประกาศผลการพิจารณาข้อเสนอซองที่ 2 ด้านเทคนิค สัญญาที่ 1-4 และ 6 ในวันที่ 9 ธ.ค. นี้ และถ้าคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เห็นชอบก็อาจเปิดข้อซองที่ 3 ด้านราคาในวันเดียวกันเพื่อให้การพิจารณาเป็นไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สัญญาที่ 5 จะเปิดซองข้อเสนอที่ 2 ในวันนี้ (8 ธ.ค.) เนื่องจากคณะกรรมการฯ มีข้อสงสัยบางประการส่งผลให้การพิจารณาซองที่ 1 ด้านคุณสมบัติล่าช้ากว่าสัญญาอื่นๆ และคาดว่าจะเปิดซองราคาได้ภายในสัปดาห์หน้า โดยตั้งเป้าจะเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. เห็นชอบและลงนามในสัญญาได้ในเดือน ก.พ. 2560
เจรจาสายสีชมพู-สีเหลืองสัปดาห์หน้า
นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รองผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ มาตรา 35 โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร วงเงิน 53,519 ล้านบาทและสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร วงเงิน 51,931 ล้าน ได้เปิดซองข้อเสนอที่ 3 ด้านเงื่อนไขเพิ่มเติมอื่นๆ แล้ว และในสัปดาห์จะเรียกกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ผู้ผ่านการคัดเลือกข้อเสนอที่ 2 ด้านการลงทุนและผลตอบแทนจากทั้ง 2 โครงการเข้าหารือ คาดว่าจะใช้เวลาเจรจารายละเอียดไม่เกิน 1 เดือนและลงนามในสัญญาได้ภายใน เม.ย. 2559
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าข้อเสนอซองที่ 3 ไม่มีผลต่อการพิจารณาในรอบที่ผ่านมา เพราะคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาข้อเสนอที่ 2 เป็นหลัก โดยเอกชนที่ผ่านการคัดเลือกข้อเสนอที่ 2 ได้เสนอมูลค่าการลงทุนและส่วนลดการอุดหนุนจากภาครัฐต่ำกว่ารายอื่น
ส่วนข้อเสนอซองที่ 3 รฟม. สามารถพิจารณารับหรือไม่รับ โดยคณะกรรมการฯ มาตรา 35 พร้อมพิจารณาข้อเสนอเพิ่มเติมหากเป็นประโยชน์ต่อภาพรวม แต่ข้อเสนอต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย ไม่กระทบต่อลงทุนอื่นๆ ของภาครัฐ และไม่มีปัญหาการจัดทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) โดยภาครัฐจะไม่อุดหนุนเงินการลงทุนส่วนนี้และมีสิทธิ์ปรับหากเอกชนไม่สามารถเดินหน้าตามสัญญา
ขอบคุณภาพและข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/730834
Dusit Central Park เผยภาพสวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในไทยบนพื้นที่ 7 ไร่ พร้อมชวนประกวดตั้งชื่อชิงแพ็กเกจตั๋วเครื่องบินและที่พักรร.ดุสิตธานี เกียวโต
4 hours
ออริจิ้น-บริทาเนีย จัดงาน “ORIGIN MID YEAR FIN” ขนทัพบ้าน-คอนโด 30 โครงการ มอบส่วนลดสูงสุด 3 ล้านบาท* ณ Central EastVille วันที่ 26 มิ.ย. - 2 ก.ค. นี้!
9 hours
เอพี ไทยแลนด์ เผยโฉม “ASPIRE สุขุมวิท - พระราม 4” คอนโดพร้อมอยู่ ชูจุดเด่นห้องไซซ์ใหญ่ วิวแม่น้ำ ใจกลางซิตี้โซน เริ่ม 3.79 ล้าน*
yesterday
ศุภาลัย ไอคอน สาทร ผนึก IWG เปิดตัว “Regus” พื้นที่สำนักงานให้เช่าแบบ Flexible Workspace ครบวงจร
yesterday
NEPS ผนึกกำลัง HUAWEI และ LONGi เปิดตัว “SOLAR SOLUTIONS by NEPS” ครั้งแรกที่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค
yesterday
ดีค่ะ มีแต่เรื่องน่าสนใจ
รีวิวเขียนดีจังค่ะ
ดีไปหมด ไม่มีที่ติเลยจ๊ะ
สุดยอดครับ