
หน้าแรก
ถ้าเป็นเมื่อก่อนพอเข้าหน้าหนาวทุกคนก็พร้อมฟินกับอากาศดี ๆ แบบไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลใช่มั้ยล่ะครับ แต่ทุกวันนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว เพราะเข้าหน้าหนาวเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่าฝุ่นพิษ PM 2.5 ก็กลับมาด้วย !! ซึ่งอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ก็คือเครื่องฟอกอากาศนั่นเองครับ กลายเป็นไอเทมที่หลายคนต้องมีติดบ้านไปละ สำหรับคนที่กำลังจะซื้อแต่ไม่รู้ต้องเลือกยังไง วันนี้เรามีเทคนิคในการเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับการใช้งานมาฝากกันครับ
ขนาดห้องต้องดูให้เหมาะ
ประเด็นต่อมาที่ผมอยากให้ใส่ใจก็คือเรื่องขนาดครับ โดยปกติแล้วเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นเค้าจะบอกไว้เลยครับว่าตัวนี้เหมาะกับห้องขนาดกี่ตารางเมตร อารมณ์คล้าย ๆ เลือกแอร์แหละครับ ติดแอร์ตัวเล็กในห้องใหญ่อากาศก็จะไม่เย็นหรือเย็นช้า ถ้าใช้เครื่องฟอกอากาศตัวเล็กในห้องขนาดใหญ่เกินไป ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศก็จะลดลง เพราะงั้นอย่าลืมเปรียบเทียบขนาดพื้นที่ของห้องกับกำลังของเครื่องฟอกอากาศด้วยนะครับ
ขอบคุณภาพจาก afresherhome.com
ไส้กรองสำคัญ ต้องใส่ใจให้ดี
ไส้กรองของเครื่องฟอกอากาศถือเป็นหัวใจสำคัญเลยครับ เพราะเจ้าเครื่องกรองอากาศของเราจะกรองฝุ่นได้ดีแค่ไหน ละเอียดเพียงใด ก็อยู่ที่ไส้กรอง (Filter) นี่ล่ะครับ ซึ่งไส้กรองอากาศมีหลายประเภทครับ แบ่งตามความละเอียดในการกรอง โดยเค้าจะแบ่งเป็น 3 ระดับด้วยกัน คือ EPA (Efficiency Particulate Air Filters), HEPA (High Efficiency Particulate Air Filters) และ ULPA (Ultra-Low Particulate Air) โดยระดับที่เหมาะสมและเพียงพอกับการใช้งานในที่อยู่อาศัยก็คือระดับ HEPA ครับ เพราะกรองฝุ่นระดับ PM 2.5 ได้ รวมถึงละอองเกสรดอกไม้ที่เป็นสาเหตุของอาการแพ้ได้ด้วยครับ
ขอบคุณภาพจาก harveynorman.com.au
CADR และ Air Flow ต้องรู้
นอกจากความละเอียดของไส้กรองแล้ว ค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) หรืออัตราการฟอกอากาศก็สำคัญไม่แพ้กันเลยครับ ค่า CADR นี้จะเป็นตัวบอกว่าเจ้าเครื่องนี้สามารถฟอกอากาศได้มากเท่าไหร่ใน 1 นาที ส่วน Air Flow คือค่าความเร็วในการฟอกอากาศของเครื่องครับ ยิ่งตัวเลขสูงแปลว่าเครื่องฟอกอากาศได้เร็ว ตอนซื้ออย่าลืมเปรียบเทียบค่า 2 ตัวนี้ด้วยนะครับ
ขอบคุณภาพจาก kkcamera.com
ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของเครื่อง
เครื่องฟอกอากาศสมัยนี้ทำได้มากกว่าแค่ฟอกอากาศอย่างเดียวนะครับ ฟังก์ชั่นจัดเต็มกันมากเลย บางรุ่นสั่งการผ่านมือถือได้ ตั้งเวลาเปิด-ปิดได้ผ่านมือถือเลย บางรุ่นสามารถปล่อยกลิ่นหอมได้ด้วย และฟังก์ชั่นอีกมากมายที่แถมมาให้ภายในเครื่อง พอเห็นฟังก์ชั่นยิ่งเยอะบางคนยิ่งชอบ แต่ใจเย็นก่อนครับ ลองคิดดูให้ดีว่าฟังก์ชั่นที่เราใช้จริง ๆ มีอะไรบ้าง แล้วเอาแค่นั้นพอครับ ไม่งั้นมันจะเกินความจำเป็น เสียเงินเพิ่มโดยใช่เหตุ
ขอบคุณภาพจาก olansi.net
ระดับเสียงอย่ามองข้าม
บางคนเห็นหัวข้อนี้แล้วอาจงงนะครับว่าเรื่องเสียงเกี่ยวอะไรกับเครื่องกรองอากาศ ? ลองคิดดูนะครับว่า ถ้าในห้องนอนเรามีเสียงหึ่ง ๆ จากเครื่องกรองอากาศดังตลอดทั้งคืน มันจะน่ารำคาญขนาดไหน บางคนอาจถึงขั้นนอนไม่หลับได้เลยนะ ดังนั้นเรื่องเสียงจึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่ผมว่าควรใส่ใจครับ ก่อนตัดสินใจซื้อก็อย่าลืมถามเรื่องความดังของเครื่องฟอกอากาศตัวนั้น ๆ จากพนักงานขายด้วยล่ะ
ขอบคุณภาพจาก mobilegeeks.com
บริการหลังการขายก็สำคัญ
แน่นอนว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าต้องเสื่อมสภาพตามการใช้งานและกาลเวลาอยู่แล้ว บริการหลังการขายจึงเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจด้วยครับ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศต้องดูด้วยนะว่าแบรนด์ที่เราเล็งอยู่นั้นบริการหลังการขายเป็นยังไง ดูแลดีมั้ย เช็คง่าย ๆ จาก Feedback ของผู้ใช้ตามกลุ่มใน Facebook หรือ Pantip ก็ได้ครับ เห็นประสบการณ์ตรงจากคนใช้งานจริงเลย
ขอบคุณภาพจาก youtube.com
อย่าลืมเช็คราคาอะไหล่
ต่อจากประเด็นที่แล้ว เครื่องฟอกอากาศพอใช้งานไปสักระยะก็ต้องมีการเปลี่ยนอุปกรณ์ภายใน โดยเฉพาะแผ่นกรองหรือไส้กรองที่ต้องเปลี่ยนเป็นประจำ ให้ลองเช็คราคาดูก่อนครับว่าเครื่องที่จะซื้อ สามารถใส่อุปกรณ์ของเครื่องรุ่นไหนได้บ้าง ราคาเป็นอย่างไร เพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณที่เราตั้งไว้ด้วยครับ งบจะได้ไม่บานปลาย
ขอบคุณภาพจาก mxphone.com
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศให้ตรงกับความต้องการของตัวเองและคุ้มค่ามากที่สุดนะครับ ฝุ่นพิษ PM 2.5 ใกล้เข้ามาแล้ว อย่าปล่อยให้ฝุ่นเจ้าปัญหานี้เข้ามาทำร้ายคนในครอบครัวรวมถึงคนที่เรารักนะครับ สวมหน้ากากอนามัยตอนออกจากบ้าน และหาเครื่องฟอกอากาศดี ๆ สักตัวไว้ในบ้าน กำจัดฝุ่นพิษ เปลี่ยนอากาศในบ้านให้บริสุทธิ์ อุ่นใจกว่าครับ
อ่านอะไรต่อดี ?
เครื่องฟอกอากาศในบ้าน จำเป็นจริงหรือ ?
ชอบบทความดีไซด์มากเลยค่ะ ได้ไอเดียไปด้วย
ขอบคุณที่ทำรีวิวดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ
อ่านแล้ว สัมผัสได้เลยว่าตั้งใจเขียน เยี่ยมค่ะ