
หน้าแรก
ความฝันของสาวๆ หรือสายแฟชั่นต้องอยากมี Walk in Closet เป็นของตัวเอง ซึ่งถึงแม้เราจะมีบริษัทรับออกแบบหรือยิ่งใครที่หาซื้อเอง บอกเลยว่ามีขั้นตอนดีเทลให้ต้องจัดการพอสมควร กว่าจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างสวยงามอย่างที่เห็นๆ กัน
1. วัดขนาด ก x ย x ส
หากจ้างนักออกแบบหรืออินทีเรียดีไซน์ ตรงนี้เราคงไม่ต้องมีส่วนร่วมมากนักเพราะเค้าจะวัดและคำนวณมาให้เสร็จสรรพ ตรงกันข้ามถ้าเราต้องไปหาซื้อเอง ต้องวัดขนาดของพื้นที่ให้ละเอียด โดยเฉพาะความลึกของตู้เสื้อผ้า เพราะถ้าลึกไม่พอเวลาปิดตู้เสื้อผ้าก็อาจจะยื่นออกมาได้ แต่อย่าลืมดูว่าถ้าเลือกหน้าบานแบบบานเปิดก็ต้องกะระยะเปิด-ปิดให้สะดวก
2. ตำแหน่งการจัดวาง
ลักษณะการวางตู้เสื้อผ้า หรือWalk in Closet ในคอนโดหรือในบ้านค่อนข้างกำหนดตำแหน่งจุดวางมาตายตัว อาจเปลี่ยนที่ไม่ได้มากนัก และเกือบทั้งหมดคือมักจะอยู่ใกล้ห้องน้ำ ทำให้เราต้องสังเกตว่าเว้นระยะห่างเป็นยังไงใกล้เกินไปไหม เพราะต้องระวังเรื่องความชื้นให้ดี รวมไปถึงมีช่องลมหน้าต่างระบายอากาศไหม หรือมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาถึงรึเปล่า เพื่อให้บริเวณนี้มีความโปร่งโล่ง
3. แบ่งพื้นที่ภายในตู้ให้ลงตัว
อันนี้ต้องคำนวณให้ดีเลย ไม่ใช่ไรหรอกเดี๋ยวใส่ชุดไม่พอ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์การแต่งตัวของแต่ละคน ถ้ามีเสื้อเยอะก็แบ่งราวเป็นชั้นบนกับชั้นล่าง หรือถ้ามีกางเกงยีนส์เยอะ แนะนำให้ทำเป็นราวแขวนกางเกงแบบมีรางดึงเข้าออก เพื่อการใช้งานที่สะดวก หรือใครมีเดรสมีกางเกงผ้าเป็นจำนวนมาก ก็ทำแบ่งราวแขวนเดี่ยวไว้ล็อกหนึ่ง ผ้าจะได้ไม่ยับ
4. ตู้ลิ้นชัก&Island
ขอรวบพูดในหัวข้อเดียวไปเลยนะ โดยอย่าลืมเว้นที่ว่างไว้ทำตู้ลิ้นชักด้วย อาจจะแบ่งไว้ครึ่งล่างซะประมาณ 3-4 ชั้น เพื่อให้ใส่พวกชุดชั้นใน ชุดนอน และเสื้อผ้าอยู่บ้าน ถ้ามีแบบหน้าบานจะดีกว่าเปิดโล่งเพราะถ้าพับไม่เรียบร้อยตู้จะดูรก ส่วน Island นิยมไว้ตรงกลางห้องหรือกลาง Walk in Closet ดังนั้นต้องมีพื้นที่เหลือพอสมควรเพื่อให้เดินได้สะดวกสบาย แต่อย่างที่บอกถ้าไม่มีพื้นที่ก็ทำเป็นตู้ลิ้นชักข้างในแทนได้เหมือนกัน
5. กระจกบานใหญ่
เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้แนะนำว่าติดกระจกตรงหน้าบานตู้เสื้อผ้า Walk in Closet เพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่จะ เลือกติดแค่บานเดียวก็ได้ หรือจะติดทุกบานก็ยิ่งดีเพราะจะทำให้ห้องดูกว้างขวางขึ้น และถือเป็นการเช็กความเรียบร้อยของตัวเอง ก่อนออกจากบ้านได้เป็นอย่างดี
6. ข้อดีของ Walk in Closet
เพราะส่วนใหญ่เป็นการบิวท์อิน ทำให้ใช้สอยพื้นที่ตั้งแต่พื้นจรดเพดานได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด และช่วยให้เก็บเสื้อผ้าได้เยอะ สามารถแยกแต่ละแบบของเสื้อผ้าได้อย่างชัดเจน จะหยิบใส่ตัวไหนก็สะดวกสบาย โดยที่ไม่ต้องมีตู้หรือลิ้นชักแยกออกมาให้รู้สึกเกะกะ คือ Walk in Closet จบครบในทีเดียว
7. ข้อเสียของ Walk in Closet
แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับตู้เสื้อผ้าที่ขายตามท้องตลาดทั่วๆ ไป ย่อมมีราคาสูงกว่าค่อนข้างเยอะ และถ้าเลือกทำแบบบิวท์อินจะย้ายเปลี่ยนที่ไม่ได้ หรือถ้าไม่ถูกใจจะขายต่อเพื่อซื้อใหม่ก็ทำได้ยาก อีกทั้งหากใครเลือก Walk in Closet แบบไม่มีหน้าบาน ต้องเป็นคนที่มีความเป็นระเบียบพอสมควร เพราะถ้าเก็บไม่เรียบร้อยจะทำให้เห็นได้ชัดถึงความรกของห้องทันที
แค่ไม่กี่ขั้นตอนง่ายๆ แต่จะช่วยให้เราได้ Walk in Closet ที่เกิดประโยชน์มากที่สุดและสามารถใช้งานได้จริง ส่วนเรื่องสไตล์การตกแต่งที่เหลือก็ไม่ยากแล้ว แค่เลือกที่ชอบในไลฟ์สไตล์ที่ใช่ ก็เป็นอันเคลียร์จบลงตัว
เทคนิคดูแลเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบมือโปร
2019-05-09
5 ข้อห้ามไม่ควรทำ ก่อนคิดรีโนเวทบ้าน
2020-05-11
Faiz’s ร้านอาหารไทยรสเด็ด ตั้งอยู่ที่ Maison 53 ในซอย สุขุมวิท53
2018-03-21
make me mango คาเฟ่ของคนรักมะม่วง ย่านท่าเตียน
2018-07-12
6 ไอเดีย ออกแบบบ้านแนวญี่ปุ่น ดูอบอุ่นในสไตล์ที่แตกต่าง
2020-04-23
ดีมากค่ะ มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ
ถ่ายรูปสวยมาเลยครับ
ชอบนะคะ บทความหลากหลายดี
ดีมากค่ะ ดีทุกส่วนเลย
บทความดีมากครับ
เยี่ยมมากๆ ครับ น่าสนใจ FC เลยครับ