เลือกรีไฟแนนซ์บ้าน ดียังไงทำไมใครๆ ก็ทำ

กู้บ้านผ่านแล้วแต่ใช่ว่าเรื่องทุกอย่างจะจบ เพราะส่วนใหญ่ทุก 3 ปี ไม่ว่าจะสถาบันการเงินไหน อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นสูงในปีที่ 4 แต่จะขึ้นมากน้อยแตกต่างกันไปตามที่ตกลง จึงเป็นเหตุผลให้เกือบทุกคนที่กู้บ้านหรือคอนโด จะต้องทำการรีไฟแนนซ์อยู่ตลอด ซึ่งความเป็นจริงแล้วก็มีข้อดีที่น่าสนใจไม่น้อย

เสียอัตราดอกเบี้ยลดลง

เมื่อดอกเบี้ยแพงขึ้นก็ต้องหาวิธีทำให้ถูกลง ซึ่งการรีไฟแนนซ์ คือหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุด เพราะแต่ละธนาคารจะทำโปรโมชั่นเด็ดมาแข่งกัน ทำให้เราได้อัตราดอกเบี้ยถูกกว่าที่เก่า ภาระในการจ่ายก็จะน้อยลงหรืออย่างน้อยก็เท่าเดิม หากไม่รีไฟแนนซ์ก็จะกลายเป็นดอกเบี้ยลอยตัวที่สูง 6-7% เลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าลืมดูสัญญาที่ทำไว้ว่าเค้ากำหนดให้รีไฟแนนซ์ได้เมื่อไหร่ ซึ่งจะมีตั้งแต่ 3-5 ปี

ระยะเวลาผ่อนเพิ่มขึ้น

เหมือนกับว่าเริ่มการกู้บ้านใหม่อีกครั้ง ทำให้จากเดิมที่ไม่ว่าเราจะผ่อนมาแล้วกี่ปี พอย้ายธนาคารก็สามารถขอสินเชื่อเป็นระยะยเวลา 20-30 ปีได้เหมือนเดิม แต่ขึ้นอยู่กับอายุผู้กู้เช่นเดียวกัน เนื่องจากยิ่งอายุมากระยะเวลาการกู้จะยิ่งน้อยลง

ยอดผ่อนต่อเดือนราคาถูก

พอผ่อนจากที่เก่าได้ 3 ปี ก็ส่งผลให้เงินต้นลดลงตามไปด้วย ฉะนั้นพอขอกู้ที่ใหม่ทำให้การผ่อนต่อเดือนถูกกว่าตอนแรก ซึ่งเงินในแต่ละเดือนก็จะหลือเยอะมากขึ้น ให้เราสามารถนำไปชำระหนี้ส่วนอื่นๆ ไม่ก็เลือกลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้ หรือจะเลือกวิธีเก็บออมไว้ยามฉุกเฉิน ก็แล้วแต่เรา 

มีเงินก้อนไว้ใช้จ่ายตามต้องการ

เพราะบ้านจะต้องถูกประเมินจากธนาคารก่อน ซึ่งแน่นอนว่าส่วนมากอสังหาฯราคาขึ้นทุกปี ทำให้บ้านของเรามีมูลค่าสูงขึ้น ยกตัวอย่างบ้านที่ผ่อนมาเหลือ 4 ล้านบาท แต่ธนาคารมองว่าได้มากกว่านั้น จึงอนุมัติให้เป็น 4.5 ล้านบาท เราก็จะได้ส่วนต่าง 5 แสนกลับมา แต่ขึ้นอยู่กับแต่ละเงื่อนไขของธนาคารนั้นๆ ซึ่งเหมาะกับคนที่กำลังต้องการเงินก้อนพอดี แต่ถ้าไม่ได้ลำบากอะไรแนะนำว่าเลือกยอดที่เหลือจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องเป็นการสร้างภาระเพิ่มเติม

ผ่อนบ้านหมดเร็วหมดไว

เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นมาจากข้อแรก ที่ได้ดอกเบี้ยถูกลง ทำให้เงินที่เราผ่อนไปในแต่ละเดือน ไปตัดเงินต้นมากกว่าดอกเบี้ย ทำให้ผ่อนบ้านหมดได้เร็วขึ้นอย่างน้อย 2-3 ปีก็ยังดี แต่ต้องเป็นการรีไฟแนนซ์ที่ไม่เพิ่มวงเงินแล้วนะ ไม่อย่างนั้นจ่ายไปเท่าไหร่ก็ไม่ลดลงเสียที

หากเลือกรีไฟแนนซ์บ้านแล้ว เชื่อเถอะว่าสภาพการเงินจะคล่องตัวขึ้นเยอะ ขณะเดียวกันก็อย่าลืมดูสัญญาและเงื่อนไข รวมถึงค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ที่ต้องเสียให้ดีก่อนตัดสินใจ พร้อมวางแผนล่วงหน้าให้เรียบร้อย