รายการโปรด
"อิสระภาพทางเวลาต่างหากหละที่เราใฝ่ฝันหา และข่าวดีคือ อิสระภาพที่ว่านี้เป็นไปได้" นี่คือสิ่งที่ผมค้นพบหลังจากลงทุน และทำงานประจำมากว่า 10 ปี เลยอยากเอามาเล่าให้ฟังในบทความนี้ครับ
หลายปีก่อน ใคร ๆ ก็พูดถึง อิสระภาพทางการเงิน จริงๆ คำนี้มันฟังดูเท่นะ (ตอนนั้น) ทำให้คนเอาไปใช้เพื่อปลุกความมุ่งมั่นกันอย่างแพร่หลาย ผมเองก็วิ่งตามคำ ๆ นี้อยู่นาน จนวันนึงเหมือนมีอะไรมาดลใจ อยู่ดี ๆ มีคำถามวิ่งเข้ามาในหัว...
นาย ๆ ถ้านายมีอิสระภาพทางการเงินแล้วยังไงต่อ ?
แล้วไอ้อิสระภาพที่ว่าหนะมันเท่าไหร่ ?
แล้วถ้าไม่รู้ว่าเท่าไหร่ เราไม่ต้องวิ่งตามหามันไปตลอดเลยหรอ ??
แล้วถ้าต้องวิ่งตามหาอิสระภาพไปตลอด มันจะยังเรียกว่าอิสระภาพได้อยู่อีกหรอ ???
พอเจอคำถามนี้เข้าไป ผมรู้สึกสตั้นไปหลายวินาที เหมือนโดนตบหน้าเข้าอย่างจัง รู้สึกเหมือนสิ่งที่เราวิ่งตามหามาหลายปีมันว่างเปล่า อีกใจนึงก็อยากเถียง อยากมีคำตอบอะไรซักอย่าง เพื่อมาสนับสนุนสิ่งที่ตัวเองวิ่งตามมาหลายปี เพื่อให้ตัวเองสบายใจว่าไม่ได้วิ่งตามความว่างเปล่า... แต่ผมก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้กับคำถามพวกนี้จริง ๆ
ขอบคุณภาพจาก rcf.fr
อยากมีอิสระภาพทางการเงิน อยากมีเงินเยอะ ๆ แต่ไม่รู้ว่าที่ว่าเยอะหนะมันเท่าไหร่ และจุดไหนที่เรียกได้ว่าอิสระ... ลึก ๆ แล้ว ความรู้สึกของการวิ่งตามเป้าหมายที่ไม่เห็นปลายทางนี่หละครับ ที่ทำให้คนท้อแท้ และหมดกำลังใจ ที่สำคัญคือ คงไม่มีใครอยากได้เงินไปนอนกอดเฉย ๆ เพราะฉะนั้น Final Target จริง ๆ มันไม่ควรจะเป็นตัวเงิน เงินเป็นแค่เครื่องมือเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย
หลังจากนั่งตกผลึกในประเด็นนี้อยู่นาน ผมก็พบว่า สิ่งที่ผมต้องการจริง ๆ ไม่ใช่อิสระภาพทางการเงินหรอกครับ แต่เป็นอิสระภาพทางเวลา ที่ทำให้เราสามารถเลือกใช้เวลาไปกับสิ่งที่เรารักได้อย่างเต็มที่ สิ่งที่เรารักในที่นี้มีหลากหลายมิตินะครับ ไม่ว่าจะเป็น งานที่เรารัก Passion ที่เราฝันมานาน อยากทำมันให้เป็นจริง แต่เราไม่เคยมีเวลาไปดูแลมันเลย จน Passion ขึ้นสนิมจมหายไปตามเวลา
ไม่ว่าจะเป็น การใช้เวลากับคนที่เรารัก ผมเชื่อว่าลึก ๆ แล้ว คนเราทุกคนมีคนที่เราอยากทำให้เค้ามีความสุข แล้วเราจะมีความสุขไปด้วย แต่บางครั้งเราอาจหลงลืมไปเพียงเพราะว่า "ช่วงนี้ยุ่งอยู่" ไม่ว่าจะเป็น สุขภาพ ซึ่งคนทุกคนรู้ว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ แต่มีคนไม่เยอะที่ดูแลมันได้ดีจริง ๆ หลากหลายครับ นานาจิตตัง ไม่มีผิด ไม่มีถูก คนทุกคนย่อมมีเป้าหมายที่อยากจะใช้เวลาไม่เหมือนกัน
แต่ที่เหมือนกันคือ เราอยากมีอิสระในการเลือกใช้เวลาของเราเอง หรือที่ผมเรียกว่า "อิสระภาพทางเวลา"
ขอบคุณภาพจาก veteranstoday.com
พอตกผลึกได้แบบนี้แล้ว ผมก็เริ่มแกะรอยต่อทันที โอเค ๆ ตอนนี้รู้แล้วหละว่าอยากมีอิสระภาพทางเวลา แล้วใครห้ามหละ ? ก็เริ่มตอนนี้เลยสิ ... เอ่อ ใจเย็นครับ ! มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ไม่ใช่คิดวันนี้พรุ่งนี้ทำได้เลย เอาแบบโลกไม่สวย คนเรายังไงก็ต้องกินต้องใช้ มีคนที่ต้องดูแล เราจะเลือกทำอะไรตามที่เราอยากไม่ได้หรอกครับ ถ้าท้องของเราและคนที่เรารักยังร้องอยู่
ใช่ครับ ! ข้อจำกัดที่ฉุดรั้งไม่ให้เราเลือกใช้เวลาของเราได้อย่างอิสระ ก็คือปากท้องเราเองนี่หละครับ ไม่ว่าจะเป็น ปัจจัย 4 หรือ ความต้องการอื่น ๆ ที่ใจเราเรียกร้อง มันต้องใช้เงินทั้งนั้น เพราะฉะนั้นการมีรายได้เข้ามาทุกเดือนให้พอกับความต้องการพื้นฐาน คือขั้นตอนแรกของ อิสระภาพทางเวลา
รู้แบบนี้แล้ว ยกกระดาษกับปากกาขึ้นมาเลยครับ เขียนความต้องการพื้นฐานทั้งหมด จะได้ตัวเลขค่าใช้จ่ายรายเดือนออกมาก้อนนึง ซึ่งตัวเลขนี้แต่ละคนจะไม่เหมือนกันนะครับ แล้วแต่ Life Style และความจำเป็น
ขอบคุณภาพจาก youngevityrc.com
สมมุติว่าได้ออกมา 20,000 บาทต่อเดือน คำถามถัดมาคือ เราต้องมีรายได้เข้ามาเท่าไหร่หละถึงจะเรียกว่าเป็นอิสระภาพทางเวลา ? โดยส่วนตัวผมเอา 1.5 ไปคูณครับ จะได้มีส่วนเผื่อสำหรับความไม่แน่นอนและเงินเฟ้อไว้ซัก 50% ซึ่งจากตัวอย่างนี้ แปลว่าเราต้องหารายได้ให้ได้ 30,000 บาทต่อเดือน
มาถึงคำถามสำคัญ แล้วเราจะหา 30,000 บาทต่อเดือนมาได้ยังไง โดยที่ยังเป็นอิสระอยู่ ? จริง ๆ คำตอบของคำถามนี้กว้างมาก ๆ ผมขอยกตัวอย่างแค่ที่ผมใช้อยู่จริงละกันนะครับ
1) เงินปันผลจากหุ้น
เน้นสะสมหุ้นปันผล ที่มีกำแพงเมืองแข็งแกร่ง ขอเน้นคำว่าแข็งแกร่ง ! อย่าลืมนะครับ ว่าโจทย์ของเราคือความอิสระและสบายใจ ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องการหุ้นที่ปันผลได้อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นในระยะยาว ไม่ใช่หุ้นที่ปันผลเยอะแค่ปีเดียวแล้วไม่ปันผลอีกเลย
2) บ้านเช่า คอนโดเช่า
ข้อนี้ผมว่าทุกคนรู้ว่าได้เงินรายเดือนดี แต่ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้คือ บ้านเช่าไม่เหมือนหุ้นนะครับ คุณต้องบริหารมันเองเยอะพอสมควร เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้ชอบสายนี้จริง ๆ อย่าเลือกทางเลือกนี้ครับ ไม่งั้นสุดท้ายคุณอาจจะรู้สึกอึดอัดแทนที่จะได้เป็นอิสระ
3) หุ้นกู้ เงินฝาก
ซึ่งแน่นอนว่าอัตราดอกเบี้ยมันจะต่ำหน่อย แต่ข้อดีคือสภาพคล่องมันสูง สามารถโยกเงินไปลงในหุ้นหรือบ้านเช่าได้ ในเวลาที่ต้องการ
4) งานที่คุณรัก
ข้อนี้สำคัญมาก ๆๆๆๆ คนส่วนใหญ่คิดว่าจะเป็นอิสระได้ต้องเลิกทำงาน อันนี้ผมไม่เห็นด้วยเลย อย่างพี่หนุ่ม Money Coach เค้ามีอิสระภาพทางเวลาไปนานแล้ว แต่เค้าก็ยังทำงานที่เค้ารักอยู่ตลอดสุดท้ายแล้วเรายังทำงานอยู่นั่นหละครับ แค่จุดประสงค์ของการทำงานเปลี่ยนจากการทำงานเพื่อเงิน เป็นการทำงานเพื่อตอบโจทย์ชีวิตในมุมที่เราต้องการ ซึ่งหลาย ๆ ครั้งมันยังได้รายได้อยู่นะ
กลับไปที่ตัวอย่าง 30,000 บาท ถ้าคุณอยากได้ 10,000 จากหุ้น คุณอาจะต้องค่อย ๆ เก็บเงินทุกเดือนจนพอร์ทโตซัก 2.4 ล้าน (คิดจากปันผล 5%) ซึ่งมันฟังดูเยอะ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้เกินเอื้อมนะครับ ถ้าเราเก็บเงินทุกเดือน และศึกษาการลงทุนอย่างจริงจัง หรือถ้าใครอยากให้เร็วกว่านั้น ก็ศึกษาการลงทุนอสังหาฯ ควบคู่ไปด้วยครับ เพราะมันเป็นการลงทุนเดียวที่คนทั่วไปสามารถลงทุนหลักล้านได้ โดยใช้เงินธนาคาร
ถ้าคุณอยากได้ 10,000 จากคอนโดให้เช่า อันนี้ยิ่งชัด ว่าเป็นไปได้ คุณแค่ต้องหาทางเป็นเจ้าของคอนโดให้ได้ซักห้อง (แบบที่ผ่อนธนาคารหมดแล้ว) ถ้าคุณอยากได้ 10,000 จากงานที่รัก อันนี้ผมเชื่อว่าไม่ต้องอธิบายเยอะ มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย คุณแค่ต้องเข้าใจว่า งานที่เรารักมันอาจไม่ได้สร้างรายได้ตั้งแต่วันแรกที่ลงมือทำ เราถึงควรเริ่มทำมันตั้งแต่วันนี้เลย วันที่เรายังมีรายได้จากงานอื่นอยู่
ลองดูนะครับ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณมีรายได้จาก 4 ช่องทาง เกินระดับที่คำนวณไว้ นั่นหมายถึงคุณมีอิสระภาพทางเวลาแล้วครับ !
มันอาจจะฟังดูยาก แต่เชื่อผมเถอะครับว่ามันไม่ได้ไกลเกินเอื้อม ทุกคนทำมันได้ และอีกเหตุผลที่ผมชอบเส้นทางนี้มาก ๆ คือ มันตอบโจทย์ Final Target ได้อย่างชัดเจนว่าอยู่ตรงไหน และเราทำไปเพื่ออะไร แน่นอนว่าการเห็นตัวเองก้าวเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นทุกปี ก็เป็นน้ำยาหล่อเลี้ยงอย่างดีให้เรามุ่งมั่น และก้าวต่อไป
ขอบคุณภาพจาก writingsoflife.com
นี่หละครับ "ประตูทางออก" ทางออกจากปัญหาการวิ่งตามความว่างเปล่า ถ้าคุณอยากมีอิสระภาพทางเวลา และเป็นเจ้าของเวลาแต่ละวินาทีที่คุณมี (อย่างแท้จริง) ลองวิ่งมาที่ประตูนี้เลยครับ เพื่อเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ผมเลยเปลี่ยน Logo ของ Salaryman Estator เป็นประตูสีฟ้า ในวันที่ลงบทความฉบับนี้
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณครับ
อ่านอะไรต่อดี ?
5 ข้อ คัดกรองผู้เช่าดี ไม่มีเจ็บ
ข้อมูลละเอียดดีครับ ขอบคุนสำหรับ ข้อมูลนะครับ
อ่านแล้ว สัมผัสได้เลยว่าตั้งใจเขียน เยี่ยมค่ะ
ดีทุกโครงการเลยนะครับ
บทความดีครับ