หลากมาตรการอสังหาฯ ดันตลาดส่งท้ายปี 2562

บรรยากาศของภาคอสังหาริมทรัพย์นั้นถือว่าเริ่มฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ ข่าวดีสำหรับคนอยากมีบ้านเริ่มทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องเริ่มจากมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยจากการลดค่าธรรมเนียม จดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์และลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน จำนอง เหลือ 0.01% เพื่อกระตุ้นตลาด

โดยข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ คาดว่ามาตรการนี้จะช่วยกระตุ้นยอดขายอสังหาริมทรัพย์ 20-30%ใกล้เคียงกับช่วงปี 2558 ต่อปี 2559 ที่รัฐบาลเคยออกมาตรการลักษณะเดียวกันนี้ออกมา

นอกจากนี้สถาบันการเงินของรัฐยังได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนที่อยากมีบ้าน ด้วยวงเงิน 50,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก 2.5% ต่อปี กระทรวงการคลังเองก็ได้ออกแคมเปญบ้านในฝัน รับปีใหม่ เพื่อขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในช่วง โค้งสุดท้ายของปี ร่วมกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย และ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ 500 ราย

จัดโปรโมชั่นตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. 2562 ไปจนถึงสิ้นปี ด้วยการลด แลก แจก แถม โดยผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ยินดีให้โปรโมชั่นฟรีค่าโอนและจดจำนอง จากเดิมที่ประชาชนจะต้องจ่าย 0.01% สำหรับอสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท

ล่าสุด (26 พ.ย.) คาดว่าจะเป็นข่าวดีมาตรการสุดท้ายของปี คือการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ภายใต้โครงการบ้านดีมีดาวน์เพื่อเป็นการลดภาระ และสนับสนุนให้ประชาชนทั่วไปมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยภาครัฐสนับสนุนเงินเพื่อลดภาระการผ่อนดาวน์ (Cash Back) จำนวน 50,000 บาท ต่อราย ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมมาตรการต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน หรือไม่เกิน 1,200,000 บาทต่อปี ผู้ที่อยู่ในระบบฐาน ภาษีอากรของกรมสรรพากร จำนวน 100,000 ราย

โดยมีเงื่อนไขผู้ซื้อที่อยู่อาศัยจะต้องได้รับอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงินและดำเนินการจดจำนอง ให้แล้วเสร็จ และเป็นไปตามเงื่อนไขอื่น ๆ ที่กระทรวงการคลังกำหนด จึงจะได้สิทธิ์ เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. 62 จนถึง 31 มี.ค. 63

ส่วนเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 1.25% ก็เป็น อีกหนึ่งปัจจัยบวกที่สร้างบรรยากาศของคนอยากมีบ้านให้กลับมาสดใสได้มากขึ้น รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ อาจจะส่งผลไปยัง ชาวต่างชาติให้กลับเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทยอีกครั้ง

เพราะที่ผ่านมาค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ชาวต่างชาติที่เคยขนเงิน เข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทยจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปลงทุน ในประเทศที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากว่า เช่น กัมพูชา ดังนั้นการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้จึงถือว่าช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ถึง 2 ต่อ

สำหรับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกรัฐบาลต้องให้การดูแลเพราะการโอนอสังหาริมทรัพย์ในแต่ละปีนั้น มีสัดส่วนสูงถึง 10% ของ GDP อีกทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นถือเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญเพราะมีความเกี่ยวเนื่องกับหลากหลายธุรกิจ นับแต่ผู้รับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจผลิตวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจด้านการออกแบบและตกแต่ง ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงสถาบันการเงิน ซึ่งหาก ภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่สดใสย่อมหมายถึงอีกหลายธุรกิจที่อยู่ใน ระบบก็จะได้รับผลกระทบแบบโดมิโน่ ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตนั่นเอง

ขอบคุณข่าวจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

https://www.reic.or.th/News/RealEstate/441021