
หน้าแรก
“ดิ แอสเพน ทรี เดอะ ฟอเรสเทียส์” (The Aspen Tree The Forestias) ที่พักอาศัย ภายใต้แนวคิด Aging-in-Place สำหรับวัย 50 ปีขึ้นไป ได้ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของตนเองอย่างมีความสุข อิสระ และปลอดภัย โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ “เมืองในป่า ป่าในเมือง เดอะ ฟอเรสเทียส์” บนถนนบางนา-ตราด กม.7 ขนาด 398 ไร่
ซึ่งมีพื้นที่สีเขียวกว่า 56% ของโครงการทั้งหมด โดย ดิ แอสเพน ทรี ได้รับการพัฒนาบนพื้นที่ 23 ไร่ ครอบคลุมที่พักอาศัยเพียง 290 ยูนิต ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวร่มรื่น พร้อมการดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิตแบบครบวงจร
ดิ แอสเพน ทรี ไม่ได้เป็นเพียงโครงการที่พักอาศัย แต่คือ “คอมมูนิตี้ดูแลสุขภาพ เพื่อการดูแลตลอดชีวิต” และยังเป็นสังคมสำหรับวัยอิสระที่ครบวงจร ด้วยที่ตั้งอยู่ภายในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ที่มีความหลากหลายด้านที่พักอาศัยสำหรับคนทุกเจเนอเรชั่น ซึ่งมีส่วนสนับสนุนความสัมพันธ์ที่อบอุ่นระหว่างคนในครอบครัว วัยอิสระ ที่อยู่ใน ดิ แอสเพน ทรี จะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเพราะได้อยู่ร่วมกับสังคมหลายเจเนอเรชั่น
ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะจัดขึ้นภายในโครงการ ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีพื้นที่ส่วนตัวในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย รวมทั้งมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่รายล้อม ซึ่งช่วยให้ทุกองค์ประกอบสอดรับกัน อันเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลสุขภาพของกลุ่มผู้สูงวัย 50 ปีขึ้นไป
นางทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวลอปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวถึงแรงบันดาลใจและแนวคิดของโครงการ ดิ แอสเพน ทรี ว่า “เมื่อ 33 ปีที่แล้วก่อนที่จะสร้าง MQDC คุณพ่อได้มอบหมายให้ช่วยท่านดูแลเด็กกำพร้าและเด็กๆที่ขาดโอกาสทางการศึกษาจึงก่อตั้งมูลนิธิพุทธรักษา ต่อมาก็สร้างธุรกิจเพื่อนำเงินมาช่วยเหลือเด็ก ๆ ผ่านไปสิบกว่าปีแม้ว่าได้มีโอกาสช่วยเหลือเด็ก ๆ ให้มีอาหาร มีที่อยู่อาศัย มีการศึกษา แต่ก็ไม่สามารถให้ความรักความอบอุ่น ทั้งอ้อมกอด และรอยยิ้มให้กับเด็กแต่ละคนได้”
“20 ปีที่แล้วจึงเกิดความคิดอยากจะสร้างโครงการที่สามารถให้เด็กและผู้สูงอายุอยู่ร่วมกัน โดยมีผู้ใหญ่ 2 คนดูแลเด็ก 5 คนและผู้สูงอายุ 2 คน สร้างเป็นระบบครอบครัวและหมู่บ้านให้มีวัฒนธรรมที่อบอุ่น ให้เด็กน้อยที่ขาดความรักได้มีพี่มีน้องมีพ่อมีแม่และมีคุณตาคุณยาย จึงเริ่มศึกษาว่าจะสามารถทำโครงการลักษณะนี้ได้อย่างไร จะหาโมเดลการเงินอย่างไรให้สามารถมีรายได้ต่อเนื่อง เพื่อให้โครงการนี้มีความยั่งยืน โดยมีลักษณะเป็น social enterprise”
“ปี 2008 ได้จัดทำโครงการประกวด social enterprise model ทั่วประเทศไทยและทีมงานที่ชนะเลิศได้ตั้งชื่อโครงการว่า “บ้านบุญธรรม” ต่อมายิ่งศึกษาลึกขึ้นก็ยิ่งรู้สึกว่าการดูแลผู้ใหญ่ตลอดชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย ต่างจากเด็กที่เมื่อถึงวัยนึงจบการศึกษาแล้วสามารถเติบโตต่อได้ด้วยตัวเอง”
“ในที่สุดก็คิดว่าหากอยากจะสร้างโครงการ ‘บ้านบุญธรรม’ นี้ให้สำเร็จ ควรจะเริ่มจากการทำโครงการบ้านพักคนชราให้เป็นธุรกิจขึ้นมา เพราะเมื่อเป็นธุรกิจจะต้องมีองค์ความรู้ มีระบบ มีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะสามารถดูแลผู้สูงอายุได้อย่างปลอดภัยและมีกำไรที่จะขยายผลเข้าสู่การทำ social enterprise ได้อย่างยั่งยืน”
“ต่อมาเมื่อเริ่มคิดสร้างโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ที่มีหลักคิดเรื่องการเชื่อมต่อ 4 generations และพาผู้คน reconnect กับธรรมชาติ จึงตัดสินใจเริ่มต้นโครงการดิ แอสเพน ทรีที่นี่ และได้เชิญผู้เชื่ยวชาญอันดับหนึ่งของโลกคือเบย์เครสต์ (Baycrest) จากประเทศแคนนาดามาช่วยสร้างระบบที่มีคุณภาพในการดูแลผู้สูงอายุ โดยมีเป้าหมายระยะยาวที่จะขยายเข้าสู่ตลาดกลางและล่าง และสุดท้ายเชื่อมโยงกลับมาที่เด็กกำพร้าและสร้างโครงการ ‘บ้านบุญธรรม’ ในที่สุด”
ในด้านการดูแลสุขภาพ การบริการสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Care) และการดูแลแบบองค์รวม ดิ แอสเพน ทรี ได้ร่วมมือกับ เบย์เครสต์ โกลบอล โซลูชั่นส์ (Baycrest Global Solutions) องค์กรชั้นนำจากประเทศแคนาดาที่มีประสบการณ์กว่า 105 ปี เพื่อร่วมกันสร้างมาตรฐานใหม่ด้านสุขภาพของสังคมวัยอิสระ (Retirement Community) ในประเทศไทย
พร้อมเปิดบริการเต็มรูปแบบใน 3 ด้านได้แก่
ดร. วิลเลียม ไรซ์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ประธานผู้อำนวยการ เบย์เครสต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การบริหารจัดการโครงการ ดิ แอสเพน ทรี โดยเบย์เครสต์ ในฐานะที่เราเป็นผู้นำด้านการพัฒนานวัตกรรมการดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิตสำหรับผู้สูงวัย ได้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้และนวัตกรรมต่างๆ ที่ได้จากการวิจัยและนำประสบการณ์ที่สะสมมากว่าศตวรรษ มาสนับสนุนการทำงานของบุคคลากรในไทย ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้สูงวัยจะได้รับการดูแลแบบมาตรฐานสากล พร้อมทั้งใช้ชีวิตอย่างมีอิสระและปลอดภัยใน ดิ แอสเพน ทรี
เบย์เครสต์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมการดูแลผู้สูงวัยและสุขภาพสมอง รวมถึงการทำวิจัยเพื่อคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ มีประสบการณ์มากกว่า 105 ปี ทั้งนี้เบย์เครสต์ได้รับการรับรองระดับสูงสุดจาก Accreditation Canada และถือเป็นองค์กรแถวหน้าในอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนมาตรฐานความปลอดภัยและการดูแลผู้สูงวัย
ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญที่ทำงานวิจัยศาสตร์เชิงป้องกัน และเวชศาสตร์ผู้สูงวัยและสถานพยาบาลเพื่อดูแลสุขภาพคนวัยอิสระมานานนับร้อยปี ได้นำผลงานนวัตกรรมเครื่องมือทดสอบสุขภาพสมอง หรือ ค็อกนิซิติ (Cogniciti) ของศูนย์วิจัยศาสตร์แห่งความสุขเชิงวิทยาศาสตร์ ที่พัฒนาขึ้น เพื่อใช้ในการรับมือกับภาวะความเสื่อมของสมองและศาสตร์เชิงป้องกันโรคทางสมองต่างๆ ที่มักเกิดกับประชากรวัย 50 ขึ้นไป มาร่วมใช้กับโครงการ ดิ แอสเพน ทรี
“ในฐานะที่เบย์เครสต์เป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยด้านผู้สูงวัยและนวัตกรรมด้านสุขภาพสมอง หรือ Centre for Aging+ Brain Health Innovation (CABHI) ที่สนับสนุนโดย Baycrest และBaycrest Academy for Research and Education (BARE) และ Canadian Consortium on Neurodegeneration in Aging ดังนั้นเบย์เครสต์จึงเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงนักวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศแคนาดา เพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อม
นอกจากนี้เบย์เครสต์ยังร่วมทำงานกับมหาวิทยาลัยโตรอนโต (University of Toronto) ในการจัดโปรแกรมฝึกอบรมบุคลากรอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุทั่วโลกในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีการฝึกอบรมไปแล้วกว่า 40 ประเทศ” มร.วิลเลียมกล่าว
แพทย์หญิงอุไรรัตน์ ศิริวัฒน์เวชกุล ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ดิ แอสเพน ทรี กล่าวว่า ในส่วนของ Health & Brain Center เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง ศูนย์วิจัยศาสตร์แห่งความสุขเชิงวิทยาศาสตร์ แห่งแรกในเอเชียที่เน้นค้นคว้าวิจัยเชิงลึก มุ่งค้นหาความลับการทำงานของสมองโดยเฉพาะ เพื่อหาปัจจัยที่ทำให้มนุษย์มีความสุข ซึ่งเป็นองค์ความรู้ใหม่
เพื่อนำมาต่อยอดเป็นนวัตกรรมเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่ประชากร โดยเฉพาะกลุ่มคนวัย 50 ขึ้นไป มีการนำนวัตกรรมจากศูนย์วิจัยศาสตร์แห่งความสุขเชิงวิทยาศาสตร์ มาใช้ในโครงการดิ แอสเพน ทรี เป็นแห่งแรก เพื่อสร้างความสุขทั้งกายและใจอย่างยั่งยืน
โดยมีการสนับสนุนด้านองค์ความรู้จาก ศาสตร์แห่งความสุขเชิงวิทยาศาสตร์ (Happiness Science Hub) เป็นการศึกษาพฤติกรรมและจิตวิทยาของคนทุกช่วงวัย และวิจัยประสาทการรับรู้ของมนุษย์ ผ่านสัญญาณสมองและเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างอารมณ์เชิงบวก และความสุข (Mental Well-Being) รวมถึงทำความเข้าใจความเสื่อมถอยด้านต่างๆ ของผู้สูงวัย และหาแนวทางลดความเสี่ยงการเกิดโรค
อาทิ โรคสมองเสื่อม และอัลไซเมอร์ เพื่อหาปัจจัยในการส่งเสริมคนแต่ละช่วงวัยให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข บริการด้านการแพทย์เฉพาะทาง ที่ต้องการความเชี่ยวชาญพิเศษ และผู้ดูแลมืออาชีพที่ผ่านการบ่มเพาะตามมาตรฐานสากล ในส่วนของกิจกรรมมีการออกแบบตามหลักวิทยาศาสตร์สุขภาพแบบองค์รวม สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้สูงวัยแต่ละบุคคล
ผู้มาใช้บริการจะได้รับการดูแลจากทีมผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นแพทย์เฉพาะทาง นักบำบัด และ Care Angels ที่มอบให้บริการการดูแลตามมาตรฐานระดับโลกที่ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการประเมิน การรักษา การป้องกัน ตลอดจนการจัดกลุ่มอาการและภาวะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงวัย เพื่อตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพได้อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ
โดยให้คำปรึกษาด้านการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน (Primary Care) การวางแผนชีวิต (Life Planning) คลินิกบำบัดอาการปวด (Pain Clinic) การดูแลด้านความจำ (Memory Care) การดูแลด้านการทรงตัวและสุขภาพกระดูก (Balance and Bone Health) การดูแลสุขภาพการนอนหลับ (Sleep Health) นักโภชนาการและการวางแผนด้านอาหารเฉพาะบุคคล (Nutritionist and Personalized Meal Planning) การดูแลสุขภาพเล็บและแผลต่าง ๆ การดูแลภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้และสุขอนามัยต่าง ๆ (Incontinence and Hygiene)
ปัจจุบัน HBC มีศูนย์ดูแลผู้สูงวัย แบบเช้าไป-เย็นกลับ (Aspen Day Center) ให้การดูแลด้านสุขภาพ ส่งเสริมกิจกรรมทางกาย กิจกรรมฝึกสมอง กิจกรรมสันทนาการ กิจกรรมทางสังคมโดยทีมผู้เชี่ยวชาญทั้งแพทย์ พยาบาล โภชนากร นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด นักนันทนาการบำบัด และ Care Angels เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตแก่ผู้สูงวัย ช่วยดูแลผู้สูงอายุในช่วงที่บุตรหลานต้องไปทำงาน ทำให้บุตรหลานคลายกังวล และผู้สูงวัย มีความสุขที่ได้อยู่ในความดูแลของศูนย์
นางสาวนบเกล้า ตระกูลปาน ผู้อำนวยการบริหาร ดิ แอสเพน ทรี กล่าวเสริมว่า “ดิ แอสเพน ทรี และเบย์เครสต์ ให้ความสำคัญและใส่ใจในทุกรายละเอียด สอดคล้องกับองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 105 ปีของเบย์เครสต์ ที่ถ่ายทอดจุดแข็งด้านการบริหารจัดการ การดูแลวัยอิสระให้ครอบคลุมในทุกมิติ โดยมีเป้าหมายให้ผู้อยู่อาศัยสัมผัสได้ถึงคุณค่าของการใช้ชีวิตที่ดิ แอสเพน ทรี ได้อย่างมีความหมายในทุกวัน
“เราได้คัดสรรทุกองค์ประกอบ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์ที่สุด ทุกยูนิตออกแบบภายใต้แนวคิด Aging-In-Place & Universal Design ที่สามารถรองรับและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตในทุกๆความต้องการ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และมีคุณภาพ อาทิ การออกแบบพื้นที่ใช้สอยของห้องน้ำและการเลือกสรรเฟอร์นิเจอร์รองรับการใช้งานสำหรับวัยนี้โดยเฉพาะ
พื้นไร้ระดับ ป้องกันการสะดุดล้ม พื้นกันลื่นและวัสดุลดแรงกระแทก ระบบแสงสว่างและคุณภาพอากาศที่เหมาะสม ระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวพร้อมไฟอัตโนมัติเวลากลางคืน และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งจากเจ้าหน้าที่และระบบกล้อง CCTV รวมถึงปุ่มฉุกเฉินบริเวณห้องนอนหลักและห้องน้ำหลัก เพื่อขอความช่วยเหลือได้ทันที” นางสาวนบเกล้ากล่าว
ที่พักอาศัยของโครงการแบ่งเป็น 2 รูปแบบหลัก ได้แก่ Active Living Condominiums 250 ยูนิต ขนาด 82–120 ตร.ม. และ Sky Villa Residences 40 ยูนิต ขนาด 183–201 ตร.ม. ทั้งสองรูปแบบออกแบบเพื่อรองรับการอยู่อาศัยระยะยาว
ในด้านของการออกแบบตกแต่งบรรยากาศภายในพื้นที่ส่วนกลางเต็มเปี่ยมด้วยความหมายและคุณค่าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยนำสัญลักษณ์ดอกไม้และผีเสื้อ เปรียบเสมือนตัวแทนของสีสัน ความอิสระ และการปลุกพลังความฝันให้กลับมาผลิบานอีกครั้ง ทำให้ ดิ แอสเพน ทรี มีความโดดเด่น เป็นบ้านและสังคมสำหรับผู้อยู่อาศัยที่เติมเต็มความสุข ทุกคนจะมีสุขภาพที่ดี มีความปลอดภัย และมีอิสระ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจรภายในโครงการ
เริ่มจากส่วนของเวลเนส คลับเฮ้าส์ (Wellness Clubhouse) ขนาดกว่า 6,000 ตร.ม. รองรับกิจกรรมที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม เช่น สระว่ายน้ำในร่มและกลางแจ้ง ฟิตเนสและสตูดิโอโยคะ ห้องสนามกอล์ฟจำลองด้วยเทคโนโลยี่ที่ทันสมัย มุมอ่านหนังสือ คาเฟ่และเบเกอรี่
ห้อง Aspen Lounge ห้องกิจกรรมศิลปะและงานฝีมือ สปาและบิวตี้ซาลอน ห้องคาราโอเกะ มินิเธียเตอร์ ร้านอาหารและห้องอาหารส่วนตัว รวมถึงพื้นที่กลางแจ้ง เช่น Canopy Walk สวนบำบัด และ Glasshouses ที่ผสานการอยู่อาศัยกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของโครงการคือ ศูนย์สุขภาพและสมอง (Health & Brain Center: HBC) เป็นศูนย์สุขภาพเฉพาะทางสำหรับผู้สูงวัย ครบครันด้วยคลินิกเวชศาสตร์ผู้สูงวัย ศูนย์กายภาพบำบัด คลินิกสมองและความจำ ศูนย์ดูแลสุขภาพระหว่างวัน ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพแบบระยะสั้น และศูนย์บริการดูแลผู้สูงวัยแบบระยะยาวสำหรับผู้ที่ต้องการการดูแลใกล้ชิด ทั้งหมดบริหารจัดการโดย เบย์เครสต์ จากแคนาดา ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงวัยระดับโลก
นอกจากนี้ยังมีบริการเสริมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เช่น บริการทำความสะอาดรายสัปดาห์ บริการอาหารเช้าที่ GoodWell Restaurant และบริการฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งหมดสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ ดิ แอสเพน ทรี ที่ต้องการให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีคุณภาพ เต็มไปด้วยความสุข และความอุ่นใจ
ล่าสุด ดิ แอสเพน ทรี ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลก AACI ปีที่ 2 (American Accreditation Commission International) ซึ่งมีเกณฑ์การประเมินที่เข้มงวดตามมาตรฐานสากลในด้านสถานพยาบาล และออกแบบตาม WELL Building Standard ซึ่งยืนยันถึงคุณภาพการบริหารจัดการ การดูแลผู้สูงวัย และมาตรฐานบริการด้านสุขภาพครบวงจรระดับสากล
สนใจเยี่ยมชมโครงการที่พักอาศัย หรือ สอบถามบริการด้านสุขภาพ สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.aspentree.com
ศุภาลัยระเบิดโปรแรงโค้งสุดท้ายปี 68 “SUPALAI PICK SALE คว้าดีลเล่นใหญ่” ลดสูงสุด 7 ล้านบาท! การันตีดีลดีทุกห้อง คุ้มที่สุดแห่งปี
6 ชั่วโมงที่แล้ว
เอพี ไทยแลนด์ เปิดตัว “MIRTH LOFT” อัลตราทาวน์โฮม 2.5 ชั้นโมเดลใหม่ล่าสุด ครั้งแรกที่โครงการ PLENO สุขุมวิท-บางนา 4
11 ชั่วโมงที่แล้ว
แสนสิริ เดินหน้าสานต่อพันธกิจ “Zero Dropout ซ่อม สร้าง ทาสี” รวมพลังจิตอาสา แก้ปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษา
12 ชั่วโมงที่แล้ว
Happitat จุดหมายความสุขแห่งใหม่ที่จะเปลี่ยนโลกทัศน์ให้คนไทย หลอมรวมผู้คน ธรรมชาติ และจินตนาการไว้ในที่เดียว ต้นแบบการทำ Destination Creation ที่แรก บนถนนบางนา-ตราด
เมื่อวานนี้
“โนเบิล” จับมือ “กลุ่ม STECON” ร่วมถือหุ้น 50% “นิว เอปิค อโศก-พระราม 9” มูลค่าโครงการกว่า 14,000 ล้านบาท เสริมพันธมิตร ต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ
เมื่อวานนี้
ชอบนะคะ บทความหลากหลายดี
ชอบลิฟวิ่งอินไซเดอร์มากค่ะ มีบทความดีๆให้อ่านแบบนี้ตลอดไปน่ะค่ะ
อ่านเพลินครับ
ครบทั้งข้อมูลโครงการ ทั้งข่าวอสังหาคัฟ สุดยอด