News

กรมเจ้าท่าเสนอสร้างท่าเทียบเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่เกาะสมุย สุราษฎร์ฯ

LivingInsider Report 2016-07-20 15:36:28

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม กล่าวว่ากรมเจ้าท่า(จท.)รายงานการพัฒนาการก่อสร้างท่าเทียบเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ หรือเรือครุยส์ ให้ทราบว่า พื้นที่เหมาะสมก่อสร้างท่าเทียบเรือคือที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ไม่ใช่ที่จ.กระบี่ เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวและที่พักเป็นจำนวนมากที่จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางเที่ยวในพื้นที่ได้มากกว่าจ.กระบี่ ที่มีแหล่งท่องเที่ยวเฉพาะทางน้ำเท่านั้น นอกจากนี้เรือครุยส์สามารถวิ่งจากอ่าวไทยเข้ามาที่แหล่งท่องเที่ยวได้ในหลายพื้นที่ หรือถ้าลูกค้ารายใดที่ต้องการล่องเรือไปเที่ยวต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา หรือเวียดนาม ก็สามารถที่จะล่องเรือผ่านทางอ่าวไทยได้เช่นกัน แตกต่างจาก จ.กระบี่ ที่มีแหล่งท่องเที่ยวจำกัด

“ให้จท.ไปเร่งดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ซึ่งจท.แจ้งว่าจะประกาศเชิญชวนเอกชนเข้ามาลงทุนได้ในเดือนมี.ค.60 โดยเบื้องต้นมีเอกชน 1-2 รายที่สนใจลงทุนก่อสร้างท่าเรือครุยส์ ขณะเดียวกันให้ไปศึกษาพื้นที่ก่อสร้างท่าเทียบเรือครุยส์แห่งใหม่ที่จ.ภูเก็ต แทนจ.กระบี่ ที่ชะลอออกไปก่อน เนื่องจากไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน โดยในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา จท.ว่าจ้างกลุ่มบริษัท ปัญญาคอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัท นิวเอสเซท แอดไว เซอรี่ จำกัด วงเงิน 44.7 ล้านบาท เพื่อศึกษารายละเอียดของท่าเทียบเรือที่รองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ว่าจะต้องมีรูปแบบอย่างไรบ้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนก.ย.59”

นายออมสิน กล่าวถึงความคืบหน้าการลงทุนการก่อสร้างท่าเรือเฟอรี่นั้น คาดว่าจะประกาศร่างทีโออาร์เชิญชวนเอกชนลงทุนได้ในอีก 2-3 เดือนนี้ ซึ่งปัจจุบันมีเอกชนสนใจลงทุน 2 ราย ส่วนเส้นทางที่จะเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวเอกชนที่ลงทุนจะต้องเสนอรายละเอียดมาให้พิจารณาอีกครั้ง ว่ามีความสนใจในเส้นทางไหนบ้าง เช่น พัทยา-หัวหิน-ปราณบุรี, บางปู-หัวหิน-ปราณบุรี, พัทยา-บางปู-ชะอำ หรือพัทยา-ชะอำ-หัวหิน เป็นต้น ให้ข้อเสนอแนะว่าหากสร้างท่าเรือที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต้องดูถนนและทางเข้าออกจะต้องกว้างขวางไม่ใช่เหมือนกับจ.ตราด ที่สร้างท่าเรือใหญ่แต่ถนนมีขนาดเล็กเกินไป และถ้าจะสร้างท่าเรือที่ชะอำ ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าตรงจุดไหนเพราะพื้นที่ยาวและไกลเกินไป อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการเปิดให้บริการเดินเรือเฟอร์รี่จะลดระยะเวลาการเดินทางของนักท่องเที่ยวอีกด้วย

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1468849541