News
icon share

ORI กวาดกำไร Q2/63 แกร่ง 707 ล้านบาท ขยับขึ้นแท่น TOP 3 อสังหาฯ

LivingInsider Report 2020-08-13 15:05:49
ORI กวาดกำไร Q2/63 แกร่ง 707 ล้านบาท ขยับขึ้นแท่น TOP 3 อสังหาฯ

“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ขยับขึ้นแท่น TOP 3 อสังหาฯ กวาดกำไร Q2/63 กว่า 707 ล้านบาท หลังรับรู้กำไรจากส่วนแบ่ง 2 โครงการ JV ที่ทำยอดโอนต่อเนื่องเพิ่มอีกกว่า 743 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิ 21.5% หลังคุมเข้มต้นทุนและค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นกด SG&A ลงเหลือ 12.7% ท่ามกลางตลาดแข่งขันราคาเดือด

 

ชี้ครึ่งปีหลังเติบโตโดดเด่น หลังเตรียมรับรู้กำไรจากส่วนแบ่งโครงการ JV เพิ่มอีก 2 แห่งใหม่ มีแบ็คล็อกแล้วกว่า 90% และโครงการ Non-JV สร้างเสร็จพร้อมทยอยโอนเพิ่มอีก 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 17,100 ล้านบาท มั่นใจแผน Origin Next Normal ในตลาดสมาร์ทคอนโด และแบรนด์ใหม่ “เบลกราเวีย” และ “ไบรตัน” ลุยตลาดแนวราบเซ็กเมนท์ใหม่ หนุนภาพรวมทั้งปีเติบโตตามเป้า

 

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 3,292 ล้านบาท (Non-JV) ตามการเติบโตของยอดโอนที่ทำได้ 3,088 ล้านบาท

 

และมีกำไรสุทธิ 707 ล้านบาท เพิ่มขึ้น QoQ 58% และ19% ตามลำดับ หลังกวาดยอดโอนรวมไปกว่า 3,832 ล้านบาท โดยเป็นโครงการ Non-JV 3,088 ล้านบาท และโอนต่อเนื่องโครงการ JV จากไตรมาสแรกอีกกว่า 743 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทก้าวสู่ 1 ใน 3 ผู้นำ หรือ “TOP3” ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย

ORI กวาดกำไร Q2/63 แกร่ง 707 ล้านบาท ขยับขึ้นแท่น TOP 3 อสังหาฯ

 

พร้อมกันนี้ บริษัทยังสามารถรักษาอัตรากำไรไว้ได้ในระดับสูง โดยอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ระดับ 21.5% หลังบริหารจัดการและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการปรับกลยุทธ์ เน้นการตลาดเชิงรุกผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ และแคมเปญ Everyone Can Sell โดย SG&A ปรับลดลงเหลือประมาณ 12.7% จาก 19.7% ในไตรมาสก่อนหน้า ท่ามกลางตลาดที่ได้มีการปรับกลยุทธ์หันมาแข่งขันด้านราคากันอย่างรุนแรง

 

นายพีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มครึ่งหลังของปี 2563 มั่นใจเติบโตโดดเด่นต่อเนื่องตามแผนงานที่วางไว้ ทั้งการเดินหน้ากลยุทธ์ Origin Next Normal ต่อเนื่องในกลุ่มธุรกิจสมาร์ทคอนโด, การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่เข้ามาใช้ในโครงการที่อยู่อาศัย

 

ตอบโจทย์ทั้งด้าน Reaching Solution และ Living Solution พร้อมเปิดตัวบ้านจัดสรร 2 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ เบลกราเวีย (BELGRAVIA) เจาะตลาดระดับลักชัวรี่ และไบรตัน (BRIGHTON) เจาะตลาด Gen Y-Z ขยายเซ็กเมนท์ใหม่ๆ ขณะเดียวกัน มีโครงการรอเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังอีกกว่า 14 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 16,700 ล้านบาท 

 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ ทั้งโครงการบ้านจัดสรร และโครงการ Non-JV พร้อมทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในครึ่งหลังของปี เพิ่มอีก 10 โครงการ และยังมีโครงการ JV ที่จะสร้างเสร็จใหม่ พร้อมทยอยโอนอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช (KnightsBridge Prime Onnut) เริ่มทยอยโอนในไตรมาส 3/2563

 

และโครงการไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน (KnightsBridge Space Ratchayothin) เริ่มทยอยโอนในไตรมาส 4/2563 มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 17,100 ล้านบาท โดยกลุ่มโครงการ JV มียอดรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) รออยู่แล้วถึงกว่า 90% ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 2563 บริษัทมั่นใจการเติบโตจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ที่ยอดโอน 14,000 ล้านบาท และรายได้รวม 16,000 ล้านบาท    

 

“ผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ครึ่งปีแรกของปี 2563 ถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายมากสำหรับทุกองค์กร แต่ด้วยจุดแข็งของออริจิ้นที่ปลูกฝังแนวคิดแบบ Disruptor Mindset ให้แก่พนักงานทุกคน เราพยายามคิดให้มากกว่า คิดให้ละเอียดกว่า และคิดให้แปลกใหม่กว่า หรือ Think Beyond

 

ทำให้เราจึงยังคงเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถปรับตัวได้รวดเร็วสามารถก้าวผ่านทุกสถานการณ์ มีกลยุทธ์ มีโซลูชั่นใหม่ๆ ตอบโจทย์ตลาดเชิงรุก ขณะเดียวกันเรายังควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ผลประกอบการไตรมาส 2 ยังคงเติบโตโดดเด่น” นายพีระพงศ์ กล่าว

 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider