รายการโปรด
อยู่คอนโดสะดวกสบายจริงไหม? เรามองว่าจริง ถ้าในแง่ของความพร้อมเรื่องเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ทางโครงการเตรียมไว้ให้หมดแล้ว ยิ่งถ้าขายแบบ fully furnished ด้วยแล้วล่ะก็ แทบจะเรียกได้ว่าหิ้วกระเป๋าพร้อมเข้าอยู่ได้ทันทีจริงๆ แต่อาจจะมีแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิดที่ต้องซื้อเพิ่มอย่าง เครื่องซักผ้า ซึ่งเรามีฮาวทูในการเลือกซื้อเครื่องซักผ้ามาฝาก เพื่อให้ตอบโจทย์คนอยู่คอนโดได้มากที่สุด
ประเภทเครื่องซักผ้าลิงก์กับตำแหน่งที่วาง
สิ่งที่ต้องสังเกตเป็นอย่างแรกคือ โครงการวางจุดตั้งเครื่องซักผ้าไว้ตรงไหน แต่หลักๆ ก็จะมี 2 ตำแหน่ง คือตรงส่วนครัวและระเบียง ในห้องน้ำก็มีบ้างแต่มีโครงการที่ทำอยู่ไม่มาก ที่ต้องสังเกตเพราะว่าประเภทเครื่องซักผ้ามีอยู่ 2 แบบ
1. เครื่องซักผ้าฝาบน เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่จำกัดและ ห้องที่ให้วางเครื่องซักผ้าไว้ตรงระเบียง สะดวกสบายในการนำเสื้อผ้าใส่และหยิบออกมา มีโปรแกรมการใช้งานให้เลือกไม่น้อย ระยะเวลาในการซักก็ประมาณ 20 นาทีเป็นต้นไปจนถึง 90 นาที ส่วนในเรื่องราคามีตั้งแต่ราคาปานกลางจนถึงราคาแพง ขึ้นอยู่กับโปรแกรมการใช้งานของเครื่องซักผ้าแบรนด์นั้นๆ
ขอบคุณภาพ : lg
2. เครื่องซักผ้าฝาหน้า เหมาะกับห้องที่วางเครื่องซักผ้าไว้ในห้องครัว เพราะส่วนใหญ่จะอยู่ใต้เคาน์เตอร์ครัวอีกทีทำให้ใช้ฝาบนไม่ได้ หรือไว้ตรงระเบียงก็ได้แต่ต้องมีที่กว้างนิดนึง ไม่อย่างนั้นจะทำให้หยิบเสื้อผ้าลำบาก ซึ่งมีข้อดีตรงที่การซักผ้าจะสะอาดเอี่ยมอ่องเลยทีเดียว อีกทั้งยังช่วยในการถนอมเนื้อผ้า
ระยะเวลาในการซักประมาณ 30 นาที จนถึง 100 กว่านาที โดยมีทั้งแบบปกติและมีแบบอบผ้าไปด้วยได้ในตัว แต่ว่าจะต้องซักผ้าน้อยๆ อาศัยการซักบ่อยๆ เอา สำหรับราคาก็สูงเอาเรื่อง ใครที่ไม่ค่อยมีพื้นที่ในการตากผ้าและมีงบถึงจัดตัวนี้ไปเลย!!!
วิธีเลือกเครื่องซักผ้าให้เข้ากับตัวเอง
1. วัดขนาดก่อนเลย กว้าง ยาว สูง วัดให้ครบ ถ้าเป็นตรงระเบียงต้องวัดความสูงให้ดี ว่าพอเปิดฝาแล้วความสูงได้ไหม เพราะบางโครงการมักจะแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ด้านบน ไว้ตำแหน่งเดียวกับจุดวางเครื่องซักผ้า เดี๋ยวเปิดฝาไม่ได้จะแย่เอา หรือถ้ามีคอมเพรสเซอร์แอร์ 2 ตัว ก็ต้องใช้แบบฝาหน้าแทน ส่วนตำแหน่งในห้องครัวขนาดต้องเป๊ะมากไม่อย่างนั้นจะไม่พอดีกับที่ทางโครงการเว้นเอาไว้ให้
2. จำนวนสมาชิกในห้อง อยู่คนเดียว เป็นคู่ หรือครอบครัว และดูว่าปกติซักผ้าอย่างไรอาทิตย์ละครั้ง หรือ2-3วันครั้ง เพื่อได้รู้ปริมาณผ้าในการซัก รวมถึงเลือกความจุของถังเครื่องซักผ้าได้อย่างคุ้มค่า ส่วนมากก็ 8 กิโลขึ้นไป ใครที่อยากซักผ้าห่มผ้านวมก็อาจต้องเป็น 10 กิโลขึ้นไป และถ้าใครมีพื้นที่เหลือเฟือจะแยกเป็นเครื่องซักผ้า กับเครื่องอบผ้าอย่างละถังก็ได้เหมือนกัน
3. โปรแกรมการซัก นวัตกรรมก้าวล้ำขึ้นทุกวัน ไม่เว้นแม้กระทั่งเครื่องซักผ้า ที่เดี๋ยวนี้มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น ที่นอกจากการซักด่วน ซักยีนส์ ซักเครื่องนอน ยังมีระบบลดคราบผงซักฟอกตกค้าง ซักด้วยน้ำร้อน แม้กระทั่งรองรับการซักผ้าด้วยมือโดยติดตั้งถาดด้านบนไว้ให้ และยังมีอีกหลายโปรแกรมที่น่าสนใจ ซึ่งเราก็ต้องดูอีกทีว่าใช้อะไรมากน้อยแค่ไหน
ขอบคุณภาพ : samsung
4. ถึกทนแข็งแรง อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องสังเกตให้ละเอียด แนะนำให้ลองเคาะตัวถังเครื่องซักผ้าดูว่าแข็งแรงทนทานไหม เชื่อว่าฟังจากเสียงก็จะรู้ได้ทันที หรือจะดูที่น้ำหนักของตัวเครื่องก็ได้ ยิ่งน้ำหนักมากก็ยิ่งแข็งแรง แต่ถ้าหนักเพราะเหล็กก็ต้องเป็นแบบเหล็กเคลือบกันสนิมนะ
5. ประกันและหลังการขาย บอกเลยว่าประกันจำเป็นมาก จริงอยู่ที่เครื่องใช้ฟ้าแบบเครื่องซักผ้า อายุการใช้งานค่อนข้างนาน และไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเสียบ่อย แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุเสียขึ้นมาประกันจะช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายเราได้อย่างดี อีกทั้งหากต้องมีการส่งซ่อมหรือต้องมาดูหน้างานที่ห้องของเรา บริการหลังการขายจึงไม่ควรมองข้าม แบรนด์ไหนบริการดี สุภาพ รวดเร็ว ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าคบหา
ขอบคุณภาพ : repairaid
พอมี เครื่องซักผ้า เป็นของตัวเอง ก็ทำให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกรวดเร็วมากขึ้น และไม่ต้องซักผ้ารวมกับของคนอื่น รวมถึงไม่ต้องเสียเวลารอต่อคิวและขึ้นๆ ลงๆ นอกจากนี้ยังไม่ต้องคอยเก็บเหรียญสิบให้วุ่นวายอีกอ่ะเนอะ
อ่านง่ายดีค่ะ
ภาพรวมเว็บน่าสนใจมากๆ มีหลากหลายเนื้อหาให้อ่านดีครับ
ชอบเข้ามาอ่านบทความที่นี่ค่ะ รายละเอียดเยอะดี
เยี่ยมไปเลยครับ
รีวิวดี น่าติดตามมากค่ะ