News

เทียบฟอร์มท็อป 10 ที่ดินแพง นิวไฮ สุขุมวิท-หลังสวน วาละ 2.6-3.1 ล้าน

LivingInsider Report 2018-05-07 10:38:48

เทียบฟอร์มท็อป 10 ที่ดินแพง นิวไฮ “สุขุมวิท-หลังสวน” วาละ 2.6-3.1 ล้าน

 

ไตรมาส 1/2561 ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุด โบรกเกอร์อสังหาริมทรัพย์ค่าย “AREA-เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส” นำเสนอผลสำรวจทำเลราคาที่ดินแพง 10 อันดับแรกในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยระบุราคาตลาดที่มีการซื้อขายจริงสถิติเป็นของทำเลสยามสแควร์-สุขุมวิท (ไทม์สแควร์) อยู่ที่ 2.2 ล้านบาท/ตารางวาโดยให้ข้อคิดเห็นถึงแปลงทอล์กออฟเดอะทาวน์ ทำเลหลังสวนที่มีการซื้อขายตารางวาละ 3.1 ล้านบาทว่า ไม่ใช่สถิติปกติ แต่เป็นกรณีพิเศษจริง ๆ

 

นิวไฮรอบ 12 ปีเฉลี่ยขึ้น 5.3%

 

“ดร.โสภณ พรโชคชัย” ผู้บริหารของ AREA ชี้แจงว่า สถิติราคาสูงสุดที่สำรวจมา อ้างอิง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2561 โดย 10 อันดับแรกนั้น โซนพญาไทราคาไม่ถึงล้านบาท โดยแตะอยู่ที่ 9.5 แสนบาท/ตารางวาในเชิงสถิติพบว่า 4 เดือนแรกปีนี้มีอัตราการปรับขึ้นของราคาอยู่ที่ 5.3% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยปีที่มีอัตราการปรับขึ้นราคาที่ดินเท่ากันคือปี 2549 หรือย้อนเวลากลับไปเมื่อ 12 ปีที่แล้ว

 

ในระหว่างทางช่วงปี 2550-2560 พบว่า การเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินมีตั้งแต่ 2.9-4.7% ถือว่ายังดีกว่าวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ที่ราคาที่ดินติดลบ -12.6% และในปี 2541 ยังคงติดลบ -10.8%

 

ข้อวิเคราะห์คือ การเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินดังกล่าว ไม่ได้เกิดจากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นแต่อย่างใด แต่มีตัวช่วยจากการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าหลากสีหลายทำเลพร้อม ๆ กัน ทำให้ความต้องการใช้ที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมีสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว


แนวรถไฟฟ้าบีทีเอสเพิ่มเฉลี่ย 12.2%

 

“ค่าเฉลี่ยของ กทม.-ปริมณฑล 5.3% แต่ถ้าดูแบบเจาะลึกรายทำเล จะพบว่าแนวรถไฟฟ้ามีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ย อยู่ที่ 6-20%”โดย AREA ยกตัวอย่างแนวรถไฟฟ้าบีทีเอสกับสายสีม่วงในปี 2560 ดังนี้ “รถไฟฟ้าบีทีเอส” ราคาซื้อขายตลอดเส้นอยู่ระหว่าง 8 แสน-2.2 ล้านบาท/ตารางวา

 

สถิติแพงสุดมี 4 สถานีที่ราคาซื้อขายตารางวาละ 2.2 ล้านบาท ได้แก่ สถานีสยามสแควร์-เพลินจิต-ชิดลม-นานาในจำนวนนี้ แบ่ง 3 สถานีคือ สถานีสยามสแควร์-เพลินจิต-ชิดลม ในปี 2560 ราคาเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 8.8-20% หรือเฉลี่ยเพิ่มปีละ 12.2%

 

ถัดมา รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายบีทีเอส เส้นทางบางจาก-แบริ่ง, แบริ่ง-สมุทรปราการ, ตากสิน-บางหว้า และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต พบว่าช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง ราคาสูงสุดอยู่ที่สถานีอ่อนนุช 8 แสนบาท/ตารางวา ต่ำสุดเป็นสถิติของสถานีแบริ่ง 3.58 แสนบาท/ตารางวา ตั้งแต่ 14.3-32.4% หรือเฉลี่ย 25.9%

 

ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ราคาสูงสุดอยู่ที่สถานีสำโรง 3 แสนบาท/ตารางวา ต่ำสุดเป็นของสถานีเคหะสมุทรปราการ 1.1 แสนบาท/ตารางวา เพิ่มตั้งแต่ 6.7-16.7% หรือเฉลี่ย 11.1%

 

ช่วงตากสิน-บางหว้า ราคาสูงสุดอยู่ที่สถานีกรุงธนบุรี 7 แสนบาท/ตารางวา ต่ำสุดอยู่ที่สถานีบางหว้า 2 แสนบาท/ตารางวา ปรับเพิ่มตั้งแต่ 10-17.6% หรือเฉลี่ย 15.5%

 

และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ราคาสูงสุดอยู่ที่สถานีลาดพร้าว 5 แสนบาท/ตารางวา ต่ำสุดสถานีคูคต 6.5 หมื่นบาท/ตารางวา ปรับเพิ่ม 6.3-25% หรือเฉลี่ย 8.9%

 

สายสีม่วงเพิ่มเฉลี่ย 10.7%

 

ในขณะที่รถไฟฟ้าสายสีม่วง ราคาที่ดินอยู่ระหว่าง 1-3 แสนบาท/ตารางวา ราคาสูงสุดคือสถานีเตาปูน 3 แสนบาท/ตารางวา เพิ่ม 10% โดยหยิบ 4 ทำเลเด่นในเส้นทางพบว่า ทำเลบางซ่อน-วงศ์สว่าง-ติวานนท์ ราคา 2 แสนบาท/ตารางวา เพิ่ม 11.1%ทำเลรัตนาธิเบศร์-ศูนย์ราชการนนทบุรี ราคา 1.6-2.2 แสนบาท/ตารางวา เพิ่ม 6.7-15.8%, ทำเลไทรม้า-ท่าอิฐ-บางพลู ราคา 1.1-1.45 แสนบาท/ตารางวา เพิ่ม 7.4-10% และทำเลบางใหญ่ ราคา 1.1-1.8 แสนบาท/ตารางวา เพิ่ม 10-20%

 

“สุขุมวิท-หลังสวน” ทำเลนิวไฮ

 

อีกฟากของข้อมูลมาจาก “คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย” สำรวจ 10 อันดับแรกราคาที่ดินแพงในเขตกรุงเทพฯ พบว่า ราคาต่ำสุด 1.6 ล้านบาท/ตารางวา และแพงสุดเป็นดีลซื้อขายของ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น 3.1 ล้านบาท/ตารางวา

 

โดย “ภัทรชัย ทวีวงศ์” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของคอลลิเออร์สฯ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” เพิ่มเติมว่า ในจำนวนท็อป 10 มีอยู่ 2 แปลงที่ซื้อขายในปี 2557 ได้แก่ ดีลซื้อขายของเอสซีแอสเสทฯ เนื้อที่ 3 ไร่เศษ ราคา 1.9 ล้านบาท/ตารางวา กับดีลซื้อขายของ บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ ทำเลใกล้สถานีบีทีเอส นานา อยู่ที่ 1.9 ล้านบาท/ตารางวา เช่นเดียวกัน

 

อีกแปลงเป็นดีลซื้อขายในปี 2559 โดย บมจ.สิงห์ เอสเตท ทำเลปากซอยสุขุมวิท 36 ราคา 1.75 ล้านบาท/ตารางวา ที่เหลืออีก 7 อันดับ 7 แปลงเป็นดีลซื้อขายในปี 2560 ที่ผ่านมา

 

เทรนด์ราคาที่ดินยังแพงได้อีก

 

สำหรับแนวโน้มราคาที่ดินในช่วง 7-8 เดือนที่เหลือของปีนี้ ทั้ง AREA และคอลลิเออร์สฯ ประเมินสอดคล้องกันว่า ภาวะราคาที่ดินยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยจุดโฟกัสของการปรับขึ้นได้สูงกระจุกตัวอยู่ในทำเลไพรมแอเรีย อาทิ สยามสแควร์-ราชดำริ-เพลินจิต-ชิดลม-สุขุมวิทตอนต้น

 

สาเหตุจากมีดีมานด์กำลังซื้อจากลูกค้าคนไทยที่มองการซื้ออสังหาริมทรัพย์ โฟกัสสินค้าคอนโดมิเนียมเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต บวกกับกำลังซื้อลูกค้าต่างชาติที่มีข้อเปรียบเทียบราคาในเมืองไทยยังถูกกว่าฮ่องกง สิงคโปร์ หลายเท่าตัว

 

 

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

 

https://www.prachachat.net/property/news-153829

 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider