News

ช.การช่างฉลอง 45 ปี รายได้ทะลุเป้า 3.5 หมื่นล้าน ปีหน้าตุนงานในมือพุ่ง 8 หมื่นล้าน

LivingInsider Report 2017-12-21 15:07:32

ช.การช่างฉลอง 45 ปี รายได้ทะลุเป้า 3.5 หมื่นล้าน ปีหน้าตุนงานในมือพุ่ง 8 หมื่นล้าน

 

นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้านสำหรับโครงการที่ภาครัฐพร้อมที่จะผลักดันให้เกิดขึ้นในปี 2561 ทั้งในเรื่องของการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับกับงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การใช้เทคโนโลยีทางวิศวกรรมและการก่อสร้างเพื่อลดต้นทุนและระยะเวลาในการก่อสร้าง การเตรียมความพร้อมในเรื่องการเงิน ลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพื่อรองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นเพิ่มเติมในอนาคต

 

“ผลจากการจัดโครงสร้างการลงทุนของบริษัท ทำให้บริษัทในเครือมีความแข็งแกร่งทั้งในด้านการเงินและโอกาสในการเติบโต”

 

ทั้งนี้ผลประกอบการด้านก่อสร้างและผลจากการปรับพอร์ตการลงทุนของบริษัท แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ ช.การช่างยึดถือและเชื่อมั่นมาตลอด 45 ปี ช.การช่างจะเลือกโครงการก่อสร้างและลงทุนที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ต่อส่วนรวม เน้นไปทางโครงการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ ถนน ทางด่วน รถไฟฟ้า น้ำและพลังงานถึงแม้กำไรจะไม่ได้มากนักเหมือนธุรกิจประเภทอื่น แต่เป็นสิ่งที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

 

​นางสาวสุภามาสกล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาระดับความแข็งแกร่งในการสร้างรายได้และกำไรจากการดำเนินงานได้ในระดับที่น่าพอใจ​ในไตรมาส 3 ปี 2560 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจก่อสร้าง 8,758 ล้านบาท รายได้รวม 9,266 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 7.85% อัตรากำไรสุทธิ 6.75% และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 1.35 เท่า และคาดว่ารายได้ก่อสร้าง ของปี 2560 น่าจะทะลุ 35,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน

 

ขณะที่โครงการต่างๆ ยังคงคืบหน้าต่อเนื่องและเป็นไปตามแผน เช่นโครงการไซยะบุรี มีความคืบหน้า 82.5% โครงการรถไฟทางคู่ช่วงจิระ-ขอนแก่น มีความคืบหน้า 42.0 %

 

ปัจจุบัน ช.การช่างมีงานในมือมูลค่ากว่า 7.8 หมื่นล้านบาท สามารถทยอยรับรู้รายได้ 2-3 ปี เฉลี่ยปีละ 3 หมื่นล้านบาท

 

โดยปี 2560 นี้ได้ลงนามในสัญญาโครงการใหม่ทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่ารวม 48,412 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างสถานีเพิ่มแรงดันเป็นสถานีจ่ายน้ำกับบริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) มูลค่า 303 ล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี สัญญาที่ 1 มูลค่า 11,570 ล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สัญญาที่ 2 มูลค่า12,060 ล้านบาท

 

โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มสัญญาที่ 5 มูลค่า 2,709 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ช่วงบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา สัญญาที่ 4 มูลค่า 1,852 ล้านบาท โครงการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์งานระบบรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ 2 สัญญา มูลค่าประมาณ 19,463 ล้านบาท และโครงการทางเชื่อมต่อทางพิเศษสายศรีรัช วงแหวนรอบนอก กับศรีรัชด้านทิศเหนือ มูลค่า 275 ล้านบาท

 

​“จากการที่บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างการเงินภายในองค์กรต่อเนื่องมากว่า 5 ปี ตอนนี้บริษัทในเครือมีความแข็งแกร่งมีศักยภาพด้านการเงินสามารถเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆได้โดยไม่ต้องพึ่งเงินสนับสนุนจากบริษัทแม่ ขณะเดียวกัน ช.การช่าง ก็มีความพร้อมอย่างมากโดยเฉพาะสัดส่วนหนี้ที่ลดลงอย่างมากจากการปรับโครงสร้างต่างๆโดยบริษัทให้ความสำคัญกับโครงการรถไฟฟ้าและทางด่วน เพราะบริษัทมีความชำนาญในงานใต้ดินและงานยกระดับ” นางสาวสุภามาสกล่าวและว่า

 

ในปี 2561 คาดการณ์ว่าจะมีงานที่ผลักดันโดยภาครัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นมูลค่ารวม 5-6 แสนล้านบาท โดยจะเข้าประกวดราคาในทุกโครงการที่รัฐบาลเปิดประกวดราคา

 

อาทิ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ) มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ส่วนต่อขยาย) (ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4) มูลค่า 21,197 ล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ช่วงศูนย์วัฒนธรรม – ตลิ่งชัน) มูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงสมุทรปราการ-บางปู และคูคต-ลำลูกกา)

 

โครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือตอน N2 ช่วงถนนเกษตร-นวมินทร์โครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 จำนวน 9 เส้นทางมูลค่ารวมกว่า 9 หมื่นล้านบาท ตลอดจนโครงการประมูลโรงไฟฟ้าพลังน้ำใหม่ๆ ในต่างประเทศ เช่น ที่ สปป. ลาว เป็นต้น โดยตั้งเป้าว่าจะได้ส่วนแบ่งงานก่อสร้างกว่า 20-25% คาดว่าปีหน้าจะมีงานในมืออยู่ที่ 7-8 หมื่นล้านบาท

 

“ช.การช่างในปีนี้ เป็นปีที่เราครบรอบ 45 ปี เราได้มีการกำหนดทิศทางการเติบโตของ ช.การช่างในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยโครงการก่อสร้างในประเทศก็ยังเป็นเป้าหมายสำคัญ มั่นใจว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างจะมีการเติบโตอย่างมากจากโครงการภาครัฐ ซึ่งเป็นงานที่ทุกๆ รัฐบาลให้ความสำคัญ”

 

ส่วนงานในต่างประเทศนั้น เรามุ่งเน้นประเทศใน AEC โดยเฉพาะลาวและเมียนมา ซึ่งเป็นประเทศที่บริษัทให้ความสำคัญ โดยเน้นที่โครงการด้านพลังงานเป็นหลัก เมื่อปีที่แล้วได้งานพัฒนาระบบน้ำประปาในประเทศเมียนมา มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท เป็นโครงการนำร่อง

 

นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยี วิศวกรรมและการก่อสร้าง การพัฒนาบุคลากร การเงิน และการเตรียมพร้อมระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อที่จะรองรับโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 

 

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

 

https://www.prachachat.net/property/news-90114

 

 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider