News

เปรมชัย-อาคม เร่งเคลียร์ปมทวาย ถกพม่าลุยทางด่วนเชื่อมไทยดึงนักลงทุน

LivingInsider Report 2017-02-28 10:11:07

 

 

หลังโครงการเมกะโปรเจ็กต์ "ท่าเรือน้ำลึกทวาย" ที่ "บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์" ยักษ์รับเหมาของไทยได้สัมปทานพัฒนา 75 ปี ชะงักไปนานนับปี พลันที่รัฐบาลเมียนมามีการผลัดใบ 



ล่าสุดเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เมื่อ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ขนทัพนักธุรกิจตระกูลดังของไทยไปเยือนเมียนมา ซึ่งหนึ่งในนั้นมี"เปรมชัย กรรณสูต" บิ๊กอิตาเลียนไทยฯ ร่วมทริปด้วย
 


จุดหมายเพื่อยืนยันความพร้อมการลงทุนโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายที่บริษัททุ่มทุนไปกว่า6พันล้านบาทเริ่มต้นโครงการในระยะแรกและขอความมั่นใจจากรัฐบาลเมียนมากับพิมพ์เขียวที่รอการประทับตราจากรัฐบาลชุดใหม่ ทั้งแผนการพัฒนา แหล่งเงินทุน และรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)
 


เสร็จจากทริปเมียนมา "เปรมชัย" กล่าวว่า ทางรัฐบาลเมียนมาได้ตั้งคณะกรรมการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ตั้งแต่ พ.ย. 2559 เพื่อขับเคลื่อนโครงการร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยกับเมียนมา ในส่วนของบริษัทได้สิทธิพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมยังไม่สามารถเริ่มได้ ต้องรอใบอนุญาตการใช้ที่ดิน (Landlist) และใบอนุญาตเริ่มทำงาน คาดว่าจะได้รับอนุญาตให้เริ่มได้ใน 2-3 เดือนนี้
 


โดยการพัฒนาในเฟสแรก มีพื้นที่ 18,000 ไร่ ใช้เงินลงทุนประมาณ 700 ล้านเหรียญ จะแล้วเสร็จใน 2 ปี จะทยอยก่อสร้างและเปิดขายพื้นที่ให้นักลงทุนที่สนใจ ภายในจะมีท่าเรือขนาดเล็ก โรงไฟฟ้า ที่พักอาศัย จากนั้นจะทยอยพัฒนาพื้นที่ส่วนที่เหลือ 8000 ไร่
 


ทั้งนี้รัฐบาลไทยและเมียนมาจะช่วยสร้างถนนเชื่อมชายแดนไทยเข้าไปยังทวาย โดยรัฐบาลไทยให้รัฐบาลเมียนมากู้เงินแบบรัฐต่อรัฐ ในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน โดยนายสมคิด รองนายกรัฐมนตรี มอบให้คมนาคมเป็นผู้การโครงการ
 


"รูปแบบถนนมีจัดเก็บค่าผ่านทาง โดยรัฐบาลเมียนมาจะเก็บค่าผ่านทางคืนให้กับรัฐบาลไทย ขณะนี้กำลังพิจารณารายละเอียด อีก 2-3 เดือนก็เริ่มสร้างได้ ค่อนข้างมั่นใจว่าโครงการจะมีความก้าวหน้า" 
 


ด้าน "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้หารือร่วมกับ นายเฮนรี วาน เธียว รองประธานาธิบดีสหภาพเมียนมา เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา เร่งโครงการก่อสร้างถนน หลังล่าช้ามานาน
 


โดย "อาคม" ย้ำว่าไทยและเมียนมาหารือการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย โดยให้ความสำคัญการสร้างถนนเชื่อมโยงชายแดนไทยที่ด่านบ้านพุน้ำร้อนกับเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ระยะทาง 132 กม. กว่า 4,500 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของไทยอนุมัติแล้วให้ความช่วยเหลือเป็นเงินกู้กับรัฐบาลเมียนมา จากสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (NEDA) ทั้งนี้ วงเงินอาจจะเปลี่ยนแปลงเพราะญี่ปุ่นที่เข้าร่วมโครงการ มีข้อเสนอแนะการก่อสร้างทางขึ้น-ลงของถนน ให้กรมทางหลวง (ทล.) ศึกษาแบบรายละเอียดการก่อสร้างที่อาจจะเพิ่มช่องจราจรทางขึ้น-ลงภูเขา
 


"โครงสร้างพื้นฐานเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้โครงการนี้มีความสำเร็จสร้างความเชื่อมั่นถนนต้องมาก่อนเพื่อส่งเสริมการค้าและลงทุน ซึ่งไทยจะรีบออกแบบรายละเอียดโครงการ และเงินกู้ให้เมียนมาพิจารณา"
 


ส่วนท่าเรือและโรงไฟฟ้าขนาดเล็กอยู่ในระหว่างการพิจารณาแบบก่อสร้างรายละเอียดเรื่องรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากเมียนมาฝ่ายไทยจะหารือกับอิตาเลียนไทยฯให้เร่งสร้างท่าเรือและโรงไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าได้แจ้งให้กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงไฟฟ้าและพลังงานเมียนมาซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการเขตเศรษฐกิจทวาย ระยะแรกหากการใช้ไฟฟ้าในทวายระยะเริ่มต้นไม่หมด ทางไทยยินดีรับซื้อต่อ
 


"รัฐบาลเมียนมารับข้อเสนอและรายละเอียดโครงการ ถนน ท่าเรือ โรงไฟฟ้า ซึ่งมี.ค.นี้จะหารือข้อสรุปอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และวงเงินอีกครั้ง ถือเป็นความก้าวหน้าโครงการนี้หลังเปลี่ยนผ่าน ซึ่งวันนี้ได้รับคำตอบจากเมียนมาว่า โครงการนี้ยังดำเนินการต่อ และเร่งรัดโครงการเพื่อประโยชน์ในด้านนิคมอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว" นายอาคมกล่าว
 


นอกจากนี้ รองประธานาธิบดีเมียนมาต้องการให้ไทยมีการเปิดด่านชายแดนเชื่อมกับเมียนมาเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มการค้า การลงทุนระหว่างประเทศ ได้แก่ 1.ด่านแม่สอด จ.ตาก ขณะนี้อยู่ระหว่างสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2.ด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ฝ่ายไทยประกาศเป็นด่านการค้าพิเศษไทย-เมียนมา และเพิ่มการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถเชื่อมเมืองมะริดได้ และ 3.ด่านห้วยต้นนุ่น จ.แม่ฮ่องสอน เชื่อมไปยังเมืองเนย์ปิดอว์
 

 

 

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

 

 

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1488173845

 

 

 

 

 

 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider