WORK- LIFE BALANCE ความลงตัวในห้องลอฟต์

WORK- LIFE  BALANCE

ความลงตัวในห้องลอฟต์

ห้องกลิ่นอายโรงงานสไตล์ลอฟต์ ภายในคอนโดมิเนียมมีอายุย่านลาดพร้าวแห่งนี้ ตั้งอยู่หัวมุมอาคารบนชั้น 8 ที่ไร้ซึ่งตึกสูงคอยบดบังทัศนียภาพ มีแสงธรรมชาติผ่านเข้ามาฉาบผนังอันดิบเท่ ซึ่งผสานเข้ากับความอบอุ่นของเฟอร์นิเจอร์ไม้แสนละมุนอย่างลงตัวตลอดทั้งวัน

คุณท๊อป-สุรพงษ์ เพลินแสง ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาอิสระมากฝีมือเจ้าของห้อง พร้อมด้วยคู่ชีวิต คุณมุ้ย-ฤทัยรัตน์ รุ่งงาม เชื้อเชิญเรานั่งพักเหนื่อยบนโต๊ะไม้ตัวใหญ่ริมหน้าต่างห้องครัว ที่กลายเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ประจำบ้านไปเสียแล้ว เพราะว่าทั้งคู่มักใช้ประโยชน์เป็นทั้งโต๊ะรับแขก นั่งทำงาน อ่านหนังสือ นอกเหนือไปจากใช้เป็นที่นั่งรับประทานอาหารอยู่เสมอ

“บ้านเดี่ยวใกล้ที่ทำงาน ไปไหนมาไหนสะดวกราคาแพงมาก เลยมองหาทางเลือกที่เป็นคอนโดฯ ด้วยราคาที่บังเอิญเจ้าของขายไม่แพงด้วยจึงตัดสินใจซื้อ” คุณท็อปเป็นผู้นำในการเล่าเรื่องราวตั้งแต่ก่อนเข้ามาอยู่ ลงลึกไปจนรายละเอียดในการเติมแต่งห้องใหม่ โดยพื้นที่ขนาด 80 ตารางเมตร ได้รับการออกแบบภายใต้โจทย์ที่ไม่ต้องการแบ่งแยกพื้นที่ คุณต๊ง-พงศกร กิจขจรพงษ์ อินทีเรียร์ดีไซเนอร์ เลือกการทุบผนังเดิมที่มี 2 ห้องนอน พร้อมรื้อฝ้าเพดานเพื่อเปลือยโครงสร้างดิบ โชว์งานเดินระบบสไตล์โรงงาน ก่อผนังบางส่วนด้วยอิฐโชว์แนวเพิ่มเข้าไปหนึ่งชั้น ผสานกับงานเฟอร์นิเจอร์ไม้บิลต์อิน โดยเน้นเรื่องความโปร่งโล่งและเชื่อมพื้นที่ใช้สอยถึงกันเป็นหลัก ทั้งในส่วนมุมนั่งเล่น มุมทำงาน และครัวเปิด เพียงแยกส่วนห้องนอนเรียบง่ายกะทัดรัด และห้องน้ำให้เป็นส่วนตัวโดยใช้ผนังเดิมเป็นแนวกั้น

นอกจากนี้แล้ว อินทีเรียร์ดีไซเนอร์ยังติดตั้งประตูบานเลื่อนไม้หน้าห้องน้ำเพื่อช่วยอำพรางสายตา พร้อมลดทอนน้ำหนักของวัสดุโดยเลือกใช้อะลูมิเนียมทาสีดำทำเป็นโครงหน้าต่างรอบห้อง รวมไปถึงประตูบานเฟี้ยมกรุกระจกฝ้าหน้าห้องนอนแทนการใช้เหล็ก อีกทั้งการนำต้นไม้มาประดับไว้ตามมุมโปรดเพื่อคืนชีวิตชีวาให้กับห้อง และการปูพื้นด้วยไม้ตะแบกซึ่งให้ผิวสัมผัสที่เป็นธรรมชาติ ยังช่วยเพิ่มความอบอุ่นและลดทอนความกระด้างในตัว 

ภายในห้องมีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเป็นสัดส่วน ซึ่งแต่ละชิ้นล้วนสะท้อนความเป็นนักสะสมตัวยงของคุณท็อปไม่ว่าจะเป็นโคมไฟแขวนเพดานหลากหลายดีไซน์ โซฟาหนังสีน้ำตาลเข้ม รวมไปถึงเก้าอี้สไตล์สแกนดิเนเวียนที่ตั้งอยู่ในมุมนั่งเล่นกลางห้อง โดยมีทั้งกรอบรูป กองหนังสือดีไซน์ของเก่ามากมาย ที่เป็นพร็อพช่วยขับความโดดเด่นให้กับห้องเท่ๆ ได้เป็นอย่างดี

"ห้องสี่เหลี่ยมเปิดโล่ง พอเรามองเข้ามาซึนมันง่ายมาก พื้นที่ตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่นกับทำงาน ห้องนอนเป็นซอกเดิมของห้องนอนเก่า พี่ต๊งถามเหมือนกันว่า (ห้องนอน) เล็กไปไหม แต่เราออกแบบบนนิสัยของเราที่ใช้แค่ห้องนอน 6-8 ชั่วโมง ฉะนั้นจึงไม่ทำอะไรกับมันมาก" ผู้กำกับหนุ่มกล่าว

ขอเพียงได้ตื่นนอนมาชงกาแฟดื่มตอนเช้า ได้เข้าครัวทำอาหารรับประทานกันเองในทุกๆวัน ห้องเก่าเล่าใหม่ในคอนโดมิเนียมแห่งนี้กลายเป็นบ้านหลังน้อยที่ลงตัวยิ่งในทุกเงื่อนไขของการใช้ชีวิตสำหรับทั้งสองคนอย่างแท้จริง