
หน้าแรก
เรนวูด ปาร์ค โครงการมิกซ์ยูสระดับเมกะโปรเจกต์ของไทย เผยแนวคิดการสร้างเมืองต้นแบบเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน รองรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของทุกเจเนอเรชันภายใต้แนวคิด The World Class Community for Multigenerational Living ผ่านการออกแบบเมืองที่มีศักยภาพให้พร้อมรับมือวิกฤต
ครอบคลุมทั้งโครงการไม่น้อยกว่า 7 ริกเตอร์ ระบบสาธารณูปโภค และคุณภาพชีวิต พร้อมจับมือพันธมิตร ฤทธา, A49 และ PIA จัดเวทีเสวนา “จากวิกฤต…สู่ชีวิตที่มองไกล FROM CRISIS TO VISIONARY LIVING 2025” สะท้อนวิสัยทัศน์ เรนวูด ปาร์ค สู่การสร้างเมืองต้นแบบที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับวิกฤตโลก พร้อมระบบพลังงานสะอาด การบริหารจัดการน้ำ และชุมชนที่เติบโตอย่างสมดุลทั้งเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
นางสาววรพนิต รวยรุ่งเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เรนวูด กรุ๊ป เปิดเผยว่า เรนวูด ปาร์ค ถูกนิยามให้เป็นมากกว่าคำว่าบ้าน เพราะจุดประสงค์ในการพัฒนานั้นต้องการส่งมอบ ‘คุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ และดูแลทุกรายละเอียดให้เหมือนกับบ้านที่เราอยู่เอง’ ด้วยการลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงให้แล้วเสร็จก่อนเริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
เริ่มจากหัวใจของโครงการคือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ระบบพลังงานสะอาด บริการหลังการขายแบบ One-Stop Service รวมถึงระบบบริหารจัดการที่เป็นผู้ดูแลเอง 100% เพื่อให้มั่นใจว่าลูกบ้านจะได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในทุกวัน ภายใต้ภารกิจในฐานะผู้ออกแบบวิถีชีวิตที่ตอบโจทย์ผู้คนหลากหลายเจเนอเรชัน หลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม
ควบคู่ไปกับการส่งต่อประโยชน์คืนสู่ชุมชนโดยรอบ ผ่านการสร้างงาน การยกระดับมูลค่าของพื้นที่ และการเปิดพื้นที่บางส่วนให้เป็นสาธารณะสำหรับทุกคนได้มีส่วนร่วม เพราะตระหนักดีว่านอกจากโครงสร้างของบ้านแล้ว เราให้ความสำคัญกับคุณภาพของเพื่อนบ้าน สภาพแวดล้อม และการดูแลระยะยาว การคัดเลือกผู้อยู่อาศัยอย่างตั้งใจ เพื่อสร้างชุมชนคุณภาพที่อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน และสามารถเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างเป็นรูปธรรม
“หลังสถานการณ์ COVID-19 เราได้เรียนรู้ว่าผู้คนให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ความสงบ และความมั่นคงในชีวิตเพิ่มขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา เรนวูด ปาร์ค จึงถูกออกแบบให้เป็นเมืองที่พร้อมรับมือต่อความเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่โครงสร้างอาคารที่ทนแรงสั่นสะเทือนได้สูงกว่ามาตรฐานกำหนด ไปจนถึงระบบบริการมาตรฐานโรงแรมที่ทำให้ชีวิตประจำวันราบรื่นหมดความกังวล แม้ในวันที่โลกภายนอกจะไม่แน่นอน แต่ที่ เรนวูด ปาร์ค จะยังคงเป็นพื้นที่ที่มอบความรู้สึกอุ่นใจและพร้อมสำหรับอนาคตอยู่เสมอ” นางสาววรพนิต กล่าว
จากบ้านสู่วิถีชีวิตที่คิดมาเพื่ออนาคต เรนวูด ปาร์ค จึงเน้นการวางรากฐานให้แข็งแรง เพื่อรองรับคุณภาพชีวิตในระยะยาว โดยมุ่งเน้นการสร้างคอมมูนิตี้ที่สามารถเป็นศูนย์กลางของทุกคนในครอบครัว รังสรรพื้นที่แห่งการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีคุณค่าภายใต้แนวคิด Inclusive Community ชุมชนที่ออกแบบและพัฒนาโดยคำนึงถึงความหลากหลายของผู้คน และขยายขอบข่ายไปถึงชุมชนรอบข้าง ด้านการจ้างงาน หรือการเปิดพื้นที่สาธารณะในอนาคต
“บ้านที่ดี ต้องมีเพื่อนบ้านที่ใช่ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีร่วมกัน เรนวูด ปาร์ค จึงให้ความสำคัญกับ “เพื่อนบ้าน” และ “สภาพแวดล้อม” เป็นสำคัญ พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสสำหรับคนทุกกลุ่มได้เข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น วันนี้พูดได้เลยว่า เรนวูด ปาร์ค พร้อมรับมือกับทุกความท้าทายอย่างมีวิสัยทัศน์ แม้ในวันที่โลกไม่แน่นอน
พร้อม After-Sales Service ที่ดูแลแบบ Proactive มีระบบแจ้งเตือนความปลอดภัย และสื่อสารกับผู้อยู่อาศัยอย่างทันเหตุการณ์ พื้นที่ แห่งการใช้ชีวิตที่ไม่ต้องไปไกลถึงต่างประเทศ เปรียบโครงการเสมือน First-Class Destination ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้พักผ่อนและมีความสุขในทุก ๆ วัน ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ” นางสาววรพนิต กล่าวเสริม
ด้าน รศ.ดร. โชติชัย เจริญงาม ผู้อำนวยการพัฒนาโครงการ เรนวูด ปาร์ค กล่าวว่า เรนวูด ปาร์ค เริ่มต้นจากการออกแบบระบบชีวิตและโครงสร้างพื้นฐานของเมืองในอนาคต โดยได้ศึกษาปัจจัยด้านภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สภาพดิน น้ำ ลม และไฟ เพื่อประเมินความเสี่ยงทั้งในปัจจุบันและระยะยาว อาทิ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ไปจนถึงคุณภาพอากาศ และนำข้อมูลที่ได้เหล่านี้มาออกแบบระบบให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคตข้างหน้า
ในเชิงวิศวกรรม เรนวูด ปาร์ค ใช้มาตรฐานขั้นสูงสุดในการวางระบบสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้เสาเข็มยาวรองรับพื้นที่ที่มีกายภาพของดินที่อ่อน ระบบบำบัดน้ำเสียที่ครอบคลุมทุกจุด ระบบผลิตน้ำสะอาดสำรอง บ่อกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ ไปจนถึงระบบพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Floating Solar ขนาดกว่า 2 เมกะวัตต์ที่สามารถจ่ายไฟฟ้าให้โครงการได้อย่างเพียงพอหากเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝัน โดยระบบสาธารณูปโภคเหล่านี้สามารถทำให้ เรนวูด ปาร์ค ดำรงอยู่ได้ด้วยตนเองในภาวะฉุกเฉินเสมือนเมืองอิสระที่มีความมั่นคงในตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ เรนวูด ปาร์ค ยังมองลึกถึงการฟื้นตัวของชุมชนจากสถานการณ์ไม่คาดฝันในระยะยาว โดยได้แบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนต่างๆ ประกอบด้วย โซนอยู่อาศัย โซนบริการ และโซนสาธารณะ เพื่อในอนาคตประชาชนในพื้นที่รอบโครงการสามารถเข้ามามีส่วนร่วม ใช้พื้นที่ และได้รับประโยชน์ร่วมกัน
เช่น การเปิดพื้นที่วิ่ง ตลาดชุมชน และการส่งเสริมผู้ผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยในท้องถิ่นให้สามารถประกอบอาชีพภายในพื้นที่ของโครงการได้ โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้ระบบความปลอดภัยที่ควบคุมด้วยเทคโนโลยี อาทิ กล้อง CCTV จำนวนโดยประมาณที่ 650 ตัวทั่วทั้งโครงการ โดรนตรวจการณ์ และระบบวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI
“สิ่งที่เราเรียนรู้จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งล่าสุด เป็นการยืนยันว่าหลักการออกแบบที่เราวางไว้ตั้งแต่ต้นนั้นถูกต้องและแข็งแกร่ง เพราะเราใช้มาตรฐาน SDGs เป็นแนวทางหลักในการสร้างโครงการแห่งนี้ตั้งแต่ต้น ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงทางโครงสร้าง คุณภาพชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ และความสามารถในการฟื้นตัว เราไม่ได้รอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยแก้ แต่เราวางระบบที่สามารถรองรับปัญหาเหล่านั้นไว้ล่วงหน้าแล้ว” รศ.ดร. โชติชัย กล่าวถึงศักยภาพของโครงการในการรับมือต่อความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
“เรนวูด ปาร์ค ยังให้ความสำคัญกับการเติบโตของชุมชนรอบโครงการ ทั้งในแง่การจ้างงาน การยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่น และการช่วยเหลือชุมชนในยามเกิดภัยพิบัติ เช่น การส่งกำลังคน ระบบสูบน้ำ หรือการใช้ทรัพยากรของโครงการช่วยสนับสนุนภายนอก ที่สำคัญเรายังได้ร่วมมือกับทั้งหน่วยงานภายในประเทศและระดับนานาชาติ ทั้งภาครัฐ เช่น การไฟฟ้า การประปา และกรมโยธา เพื่อยกระดับระบบบริการในพื้นที่
รวมถึงความร่วมมือกับองค์กรระดับโลก ทั้งจากประเทศอังกฤษ จีน และสิงคโปร์ ในด้านสนามกอล์ฟ เทคโนโลยี การบริหารจัดการ และการให้บริการ เช่น Wentworth Golf Club, Four Seasons Hotel London At Tower Bridge, Reignwood Pine Valley Hotel เป็นต้น ที่ถ่ายทอดองค์ความรู้มายังโครงการนี้โดยตรง เพื่อตอกย้ำถึงคุณภาพความพิถีพิถันให้ เรนวูด ปาร์ค เป็นชุมชนที่มีมาตรฐานระดับโลก และยังคงรักษาเสน่ห์ของความอ่อนโยนแบบไทยไว้อย่างครบถ้วน”
ทั้งนี้ “เรนวูด ปาร์ค” ยังได้รับการพัฒนาสู่ต้นแบบเมืองแห่งอนาคตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ชุมชน และคุณภาพชีวิตทุกเจเนอเรชันอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการพัฒนาบนพื้นที่รวมกว่า 2,000 ไร่ ตอกย้ำวิสัยทัศน์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่งอนาคต ด้วยแนวทางการออกแบบที่ผสานแนวคิดด้าน ESG (Environmental, Social and Governance) อย่างสมดุล ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการสิ่งแวดล้อม ความเป็นอยู่ของผู้อยู่อาศัย ไปจนถึงการสร้างประโยชน์แก่ชุมชนโดยรอบ
ภายในโครงการถูกออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวมากถึง 700 ไร่ หรือคิดเป็น 35% ของพื้นที่ทั้งหมด พร้อมต้นไม้ขนาดใหญ่กว่า 10,000 ต้นที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศ เสริมความร่มรื่น และฟื้นฟูระบบนิเวศให้มีความหลากหลายทางชีวภาพมากยิ่งขึ้น อาทิ การเป็นแหล่งอาศัยของนกนานาชนิด ขณะที่ระบบแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เช่น “Heart Lake” พื้นที่กว่า 57 ไร่ และบึงโดยรอบสนามกอล์ฟอีก 89 ไร่ ได้ถูกวางระบบหมุนเวียนน้ำภายในโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ปล่อยน้ำเสียสู่ภายนอก
พร้อมติดตั้งเครื่องเติมอากาศ 28 เครื่อง เพื่อรักษาคุณภาพน้ำให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนมุ่งลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ด้วยการติดตั้งระบบ Solar Floating ในบ่อรูปหัวใจ ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 2 เมกะวัตต์ เสริมด้วย Solar Cell อีก 16 จุดทั่วพื้นที่ ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 400 กิโลวัตต์ รวมถึงสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 2 สถานี (รวม 6 หัวจ่าย) รองรับวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปี 2568 (ช่วงมกราคม–พฤษภาคม) โครงการสามารถลดค่าไฟฟ้าลงได้กว่า 5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน
ในด้านคุณภาพชีวิต เรนวูด ปาร์ค ได้จัดสรรพื้นที่เพื่อส่งเสริมสุขภาพของผู้อยู่อาศัยอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นลู่วิ่งและลู่จักรยานรอบโครงการระยะทางรวมกว่า 10 กิโลเมตร ห้องฟิตเนส สนามเด็กเล่น และจักรยานให้ยืม โดยออกแบบให้เป็นพื้นที่แห่งการใช้ชีวิตร่วมกันของทุกวัยอย่างแท้จริง พร้อมติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงด้วย Security Drone 13 ลำ ตลอดจนระบบสลายประจุไฟฟ้าจากฟ้าผ่าและระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าในพื้นที่สนามกอล์ฟ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมั่นใจได้ในทุกสถานการณ์
อีกหนึ่งมิติสำคัญของเรนวูด ปาร์ค คือการคืนคุณค่าให้กับชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยเปิดโอกาสให้พนักงานและผู้พักอาศัยมีส่วนร่วมในการลดขยะผ่านโครงการ “ขวดแลกไข่” ซึ่งสามารถรีไซเคิลขวดพลาสติกและกระป๋องได้กว่า 1 ตันในปีเดียว พร้อมเริ่มโครงการทำปุ๋ยหมักจากใบไม้เพื่อลดการใช้ปุ๋ยเคมี เสริมความมั่นคงทางอาหารด้วยกิจกรรมเกษตรพอเพียง ทั้งการปลูกผักสวนครัวและเลี้ยงไก่ไข่ รวมถึงการสนับสนุนภาครัฐและชุมชนโดยรอบ
เช่น การบริจาคที่ดิน 4 ไร่ เพื่อจัดตั้งสถานีไฟฟ้าย่อยขนาด 100 เมกะวัตต์ ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งช่วยเพิ่มเสถียรภาพการจ่ายไฟในพื้นที่ และการสนับสนุนอุปกรณ์บรรเทาน้ำท่วมในฤดูฝน เรนวูด ปาร์ค จึงไม่ใช่เพียงแค่โครงการที่พักอาศัย แต่คือการสร้างระบบนิเวศแห่งการใช้ชีวิตที่สมดุลระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติ และชุมชน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนในทุกมิติอย่างแท้จริง
หากพิจารณาถึงแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดปทุมธานี พ.ศ. 2566-2570 ที่กำหนดทิศทางการเติบโตของจังหวัดให้เป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจและที่อยู่อาศัยคุณภาพ โดยเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการขยายตัวของเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านระบบคมนาคม สาธารณูปโภค พื้นที่สีเขียว และการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งส่งเสริมคุณภาพชีวิต ความปลอดภัย และการมีสุขภาวะของประชาชนในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะพื้นที่ลำลูกกาซึ่งเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของจังหวัดที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาเมืองใหม่ท่ามกลางธรรมชาติและความเจริญ
ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์นี้ จังหวัดปทุมธานีมุ่งสร้างการเติบโตที่สมดุลทั้งเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการให้ท้องถิ่นมีบทบาทในการร่วมวางแผนและบริหารจัดการพื้นที่อย่างมีส่วนร่วม ซึ่งช่วยเปิดโอกาสให้โครงการพัฒนาเมืองคุณภาพอย่าง เรนวูด ปาร์ค สามารถดำเนินไปอย่างสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาจังหวัด พร้อมเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนในระยะยาวต่อไป
“กรุงเทพกรีฑา” ทำเล Luxury Living มูลค่าลงทุนแตะ 100,000 ล้านบาท ปล่อยเช่ากำไรดี Yield สูงถึง 9% คุ้มค่าในระยะยาว
3 ชั่วโมงที่แล้ว
สิงห์ เอสเตท ชูคอนเซปต์ “Craft to Las” ผ่าน 3 หลักการออกแบบบ้านตอบโจทย์คนทุกเจเนอเรชัน
3 ชั่วโมงที่แล้ว
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เผยผลประกอบการ Q1/68 ตอกย้ำความแข็งแกร่ง ผู้นำตลาดคอนโดมิเนียม
เมื่อวานนี้
แนะนำบ้านเดี่ยว บางนา โซนบ้านเดี่ยวที่ใครๆ ต่างก็พากันมาซื้อ!
เมื่อวานนี้
“บริทาเนีย” ลุยเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท ปักหมุดกรุงเทพกรีฑา-สุขสวัสดิ์-บางแสน เริ่ม 5.39-20 ล้านบาท*
2025-06-11
ขอบคุณความรู้ดีดีมากครับ
นักเขียนมืออาชีพ งานคุณภาพและมีประโยชน์มากค่ะ
รีวิวเขียนน่าสนใจ ข้อมูลครบ อ่านแล้วช่วยในการตัดสินใจ ซื้อคอนโดได้ดีขึ้น