รายการโปรด
พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ เผยผลสำรวจในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงที่เหนื่อยยากสำหรับธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับธุรกิจอื่น ๆ (Supply Chaim) อีกมากมาย ต้องสร้างกลยุทธ์ในการหารายได้กันอย่างมาก
ดังนั้นทุกรัฐบาลที่ผ่านมาจึงได้ออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในตลาดอสังหาฯมาโดยตลอด รวมถึงรัฐบาลชุดปัจจุบันก็ออกมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะได้รับผลดีบ้างสำหรับผู้ซื้อบางกลุ่ม และบางระดับราคา
แต่สิ่งที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนในเรื่องของมาตรการของรัฐบาลว่าได้ผลและส่งผลบวกต่อตลาดหรือไม่ คือการพิจารณาจากรายได้ของผู้ประกอบการต่าง ๆ ในธุรกิจอสังหาฯ
โดยล่าสุดผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ได้ทยอยประกาศผลประกอบการในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่ง นายสุรเชษฐ์ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ (Property DNA) มองว่า
มีผู้ประกอบการหลายรายยังคงมีรายได้ที่มั่นคง มีกำไรต่อเนื่อง รวมถึงมีผู้ประกอบการบางรายมีรายได้เกือบจะ 50% ของเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ตลอดทั้งปี 2567 ทำให้ไม่วิตกกังวลมากในช่วงที่เหลือของปีนี้
อีกทั้งยังอาจจะมีการสร้างเซอร์ไพร์สในช่วงปลายปีได้อีกด้วย หากมีการเร่งสปีดการโอนกรรมสิทธิ์ก่อนหมดมาตรการจากรัฐบาลช่วงปลายปี 2567 ซึ่งมักจะเห็นได้เสมอในช่วงที่มาตรการใกล้ครบกำหนด จะมีการเร่งโอนกรรมสิทธิ์จนยอดขายและรายได้เพิ่มขึ้นตลอดทุกครั้งที่มีมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ออกมา
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่มีรายได้และกำไรมากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ได้แก่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
ซึ่งมีรายได้มากถึง 19,784 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,702 ล้านบาท จากการปิดการขายไปถึง 15 โครงการ ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 7%
ส่วน บริษัทเอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ตามมาเป็นอันดับที่ 2 ด้วยรายได้รวม 17,845 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 2,277 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่มีการรับรู้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา
ส่วนอันดับที่ 3 คือ บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และ ตามมาด้วยบริษัทศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
โดยทั้ง 4 อันดับแรกมีรายได้มากกว่า 10,000 ล้านบาทขึ้นไป และกำไรสุทธิก็มากกว่า 2,000 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งหากพิจารณาจากรายได้ของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ประกาศผลประกอบการ 6 เดือนแรกแล้วนั้น อาจจะชี้ชัดไม่ได้ว่า
ตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัวหรือหดตัวรุนแรง
เนื่องจากรายได้ของผู้ประกอบการบางรายลดลงไม่มากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ปีที่แล้วก็เป็นปีที่ตลาดที่อยู่อาศัยไม่ได้มีการขยายตัวมากนัก ดังนั้นการที่รายได้ของผู้ประกอบการต่ำกว่าปีที่แล้วก็อาจจะเห็นได้ถึงสัญญาณการชะลอตัวของตลาด
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบรายได้ผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ ณ ปัจจุบัน ค่อนข้างเห็นได้ชัดเจนว่ารายได้ของผู้ประกอบการมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ามาตรการของรัฐบาลมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น แม้ว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องของการขอสินเชื่อรายย่อยจากสถาบันการเงินที่มีความเข้มงวด ประกอบกับการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคาร และแนวโน้มของเศรษฐกิจประเทศไทยที่อาจจะยังไม่ถึงจุดฟื้นตัวในปีนี้
ผู้ซื้อบางรายที่ยังไม่มีความจำเป็นหรือไม่ได้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแบบเร่งด่วนก็อาจจะชะลอการตัดสินใจซื้อออกไปก่อน แม้ว่าการซื้อในปีถัดไปหรือหลังจากนี้อาจจะต้องจ่ายเงินมากขึ้น เพราะไม่มีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อจากรัฐบาล ราคาที่อยู่อาศัยที่ปรับเพิ่มขึ้นตามกลไกตลาด และรวมทั้งราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น
ในขณะที่กลุ่มคนที่มีความพร้อมและต้องการที่อยู่อาศัย การตัดสินใจซื้อในปีนี้ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุด นอกจากจะได้ที่อยู่อาศัยบนต้นทุนเดิม หรือต้นทุนที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ยังเป็นช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการอาจจะมีความยืดหยุ่นในการพิจารณาเรื่องของราคาขาย เพราะต้องการสร้างรายได้ให้กับบริษัท
ดังนั้นช่วงที่เหลือของปี 2567 ถือเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการต่าง ๆ ยังสามารถสร้างรายได้ได้อีก โดยเฉพาะจากโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว หรือกำลังจะสร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2567 เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการของรัฐบาล
ส่วนผู้ประกอบการที่อาจจะมีโครงการไม่ต่อเนื่อง หรือไม่ครอบคลุมในทุกระดับราคา ก็อาจจะต้องหาช่องทางในการสร้างรายได้มากขึ้น
นอกจากนี้การเข้าถึงกำลังซื้อต่างชาติถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ผู้ประกอบการหลายรายพยายามกันมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่เพียงแต่ผู้ซื้อจากจีนเท่านั้น แต่ผู้ประกอบการบางรายขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้ซื้อไต้หวัน อินเดีย ดูไบ รัสเซีย และยุโรปมากขึ้น รวมไปถึงกลุ่มผู้ซื้อจากเมียนมาที่อาจจะมีปัญหาในช่วงนี้
ASW ชูกลยุทธ์ EXPAND รุก EEC ปั้น Flagship Project “อควารัส จอมเทียน พัทยา” มูลค่า 5,000 ลบ. เจาะตลาด Staycation และนักลงทุนทั้งไทย-เทศ
2024-12-13
เดอะ คิวเว่ เซ็นทรัลพาร์ค นวมินทร์–รามอินทรา กวาดยอดขายกว่า 400 ล้านบาท ในรอบ EXCLUSIVE VISIT DAY
2024-12-13
ลักชูรีวิลล่า “บางเทา–เชิงทะเล” มาแรง ครึ่งแรกปี 67 ยอดขายพุ่ง 500% ผลตอบแทนการเช่าเฉลี่ย 6-8%*
2024-12-13
ธนาสิริ ส่งโปร “เหมันต์ หรรษา..คุ้มค่า น่าอยู่ x12” จองเริ่ม 999 บาท พร้อมสิทธิพิเศษอีกมากมาย
2024-12-12
เปิดตัว “Chapter Market” แลนด์มาร์กใหม่ใจกลางสุขุมวิท 26 ปลุกกรุงเทพฯ สู่ศูนย์กลางอาหาร คาดดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก 1,000 คน/วัน
2024-12-12
อ่านแล้ว สัมผัสได้เลยว่าตั้งใจเขียน เยี่ยมค่ะ
ได้รับความรู้เยอะเลย
บทความดีมากครับ