News

ออริจิ้น ย้ำความแข็งแกร่ง แบ็คล็อก 45,900 ล้าน ทยอยรับรู้รายได้ในปี 2567-2570 พร้อมอันดับเรตติ้งองค์กร BBB+ 3 ปีซ้อน

Livinginsider Report 2024-05-02 10:13:49

 

ออริจิ้น ตอกย้ำสถานะผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร แบ็คล็อกแกร่ง 45,900 ล้าน รอทยอยรับรู้รายได้ในปี 2567-2570 ทริสเรทติ้งยังคงเชื่อมั่นให้อันดับเรตติ้งองค์กร BBB+ 3 ปีซ้อน กลุ่ม ORI พร้อมเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง มูลค่ากว่า 37,000 ล้าน หนุนแนวโน้มรายได้เติบโตตามแผน

 

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า ทริสเรทติ้ง (TRIS Rating) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ได้คงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ BBB+ แนวโน้ม Stable หรือ คงที่ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัทในอุตสาหกรรมพัฒนาที่อยู่อาศัย และมูลค่ายอดขายรอรับรู้รายได้จำนวนมากและส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจอื่น ๆ โดยยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยรวมทั้งจากโครงการของบริษัทและโครงการร่วมทุนฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปี 2563 

 

ในส่วนรายได้ทรงตัวอยู่ในช่วง 14,000-15,000 ล้านบาทต่อปี ในช่วงปี 2564-2566 เพิ่มขึ้นจาก 11,000 ล้านบาท ในปี 2563 โดยรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยรวมรายได้ค่าบริหารงานโครงการ ยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 80% ของรายได้รวม กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษี ค่าเสื่อมราคา รวมถึงค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นเป็น 5,300-6,000 ล้านบาทต่อปี ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 4,100 ล้านบาทในปี 2563 โดย EBITDA Margin ของบริษัท ยังคงน่าพอใจโดยอยู่ที่ระดับเกินกว่า 35% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

 

จากการคาดการณ์ของ ทริสเรตติ้ง (TRIS Rating) คาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตจาก 14,500 ล้านบาท ในปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 16,000 หมื่นล้านบาทในปี 2569 ขณะที่ EBITDA จะมากกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงประมาณการ การเติบโตของรายได้และกำไร ได้รับแรงหนุนจากยอดขาย คอนโดมิเนียมที่รอส่งมอบจำนวนมากและสัดส่วนที่สูงขึ้นจากโครงการบ้านจัดสรร

 

นอกจากนี้ มาตรการของรัฐบาลในการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองจาก 2% และ 1% ตามลำดับ เป็น 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 7 ล้านบาท น่าจะช่วยกระตุ้นยอดการโอนในปีนี้ได้ ณ สิ้นปี 2566 บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอนอยู่ที่ 4.59 หมื่นล้านบาทซึ่งประกอบด้วย ยอดขายโครงการของบริษัทเองมูลค่า 2.07 หมื่นล้านบาท และ ยอดขายจากโครงการร่วมทุนอีกมูลค่า 2.52 หมื่นล้านบาท

 

นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงปี 2565-2566 ทั้งสิ้นมูลค่า 86,900 ล้านบาท มีแบ็คล็อก ณ สิ้นปี 2566 ในระดับ 45,900 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นตัวหนุนการเติบโตของบริษัทในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ขณะที่ในปี 2567 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง มูลค่าโครงการรวม 37,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 17,000 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 20,000 ล้านบาท

 

จากปัจจัยทั้งหมดดังกล่าว ทริสเรทติ้งยังคาดการณ์ว่า รายได้ของบริษัทจะเติบโตสู่ระดับ 14,500-16,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2567-2569 โดยมีส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจอื่นๆ รายได้จากธุรกิจอื่น ๆ ของบริษัทรวมถึงรายได้จากการให้บริการภายใต้ บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) และรายได้จากธุรกิจการให้เช่าและบริการภายใต้ บริษัท ออริจิ้น โฮเทล จำกัด (มหาชน) หรือ ออริจิ้น โฮเทล เพิ่มขึ้นจากน้อยกว่า 5% ของรายได้จากการดำเนินงานทั้งหมดในปี 2564 เป็นเกือบ 13% ในปี 2566

 

ปัจจุบันอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ของบริษัท (รวมโครงการร่วมทุน) ประกอบด้วยโรงแรม 11 แห่ง มีห้องพักรวม 2,657 ห้อง และพื้นที่ค้าปลีก 2,000 ตร.ม. นอกจากนี้ โครงการพัฒนาอาคารสำนักงานให้เช่าภายใต้การร่วมทุน พื้นที่ให้เช่าประมาณ 37,000 ตร.ม. มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2567 ซึ่งต่อจากนี้ ออริจิ้น โฮเทล วางแผนที่จะพัฒนาโรงแรมอีก 5-6 แห่งในช่วงปี 2567-2568 ดังนั้น คาดว่ารายได้ค่าเช่าและบริการจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 500-600 ล้านบาท/ปีในช่วงปี 2567-2569 เมื่อเทียบกับ 468 ล้านบาท ในปี 2566

 

ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนหลังของปี 2567 บริษัทจะยังคงให้ความสำคัญกับการเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ตามเป้าหมายที่ 37,000 ล้านบาท โดยเน้นการเปิดตัวโครงการใหม่ในทำเลศักยภาพในต่างจังหวัดมากขึ้น อาทิ ภูเก็ต พัทยา EEC และ ขอนแก่น เป็นต้น

 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider