![รายการโปรด](https://www.livinginsider.com/assets18/images/icon/mobile-more/fav2.png)
รายการโปรด
นายคาร์โล โพเบร รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ บริษัทคอลลิเออร์ส ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังระดับโลก กล่าวว่า ชาวเมียนมาเผชิญปัญหาการเมืองที่ไม่แน่นอนภายในประเทศเมียนมา จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ชาวเมียนมามีฐานะ หรือนักธุรกิจรุ่นใหม่ต้องการหาซื้อบ้านในประเทศไทย
โดยในช่วง 2 ปีผ่านมา ชาวเมียนมาติดใน 3 อันดับแรกของยอดการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากสุดในไทย นอกจากนี้ ชาวเมียนมาเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังสิ้นสุดการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย
ชาวเมียนมามีความสนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยกระจายใน 3 จังหวัดใหญ่ ได้แก่ กรุงเทพ ภูเก็ต และ เชียงใหม่ ชาวเมียนมาในระดับเศรษฐีจะสนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพ โดยนิยมซื้อในระดับราคา 10-20 ล้านบาท จะพบเห็นในย่าน สุขุมวิท พร้อมพงษ์ อโศก เป็นที่น่าสังเกตว่าคอนโดมิเนียมที่ชาวเมียนมาซื้อนั้นจะอยู่ติด หรือใกล้กับโรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม
ขณะที่ชาวเมียนมาระดับกลางจะนิยมซื้อคอนโดมิเนียมในราคาระหว่าง 5-10 ล้านบาท จะอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าเพื่อจะได้เดินทางสะดวก ได้แก่ ย่านอารีย์ พญาไท และสามารถปล่อยเช่าหรือขายต่อได้ในราคาที่สูงขึ้นได้ เนื่องจากชาวเมียนมารุ่นใหม่ต้องการซื้อเพื่อลงทุน หรือปล่อยเช่าหรือขายต่อ เพื่อทำกำไรในอนาคต โดยจะชอบซื้อช่วงโครงการเปิดพรีเซลล์
สำหรับจังหวัดภูเก็ต ชาวเมียนมาที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต จะเน้นการซื้อสไตล์พูลวิลล่าในระดับราคา 40 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งตั้งอยู่ในย่านลากูน่า หาดบางเทา นอกจากนี้ ชาวเมียนมายังชื่นชอบการซื้อคอนโดมิเนียมในภูเก็ต เนื่องจากกลุ่มชาวเมียนมาที่เข้าไปซื้อนั้น ส่วนหนึ่งทำธุรกิจอยู่ในจังหวัดภูเก็ต และต้องการที่พักที่มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก
ส่วนที่จังหวัดเชียงใหม่ ชาวเมียนมาสนใจซื้อบ้านเดี่ยวในระดับราคา 20-30 ล้านบาท สาเหตุจากจังหวัดเชียงใหม่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากประเทศเมียนมา ส่วนใหญ่ของกลุ่มคนชาวเมียนมาที่ซื้อรั้นจะเป็นกลุ่มเกษียณอายุ และครอบครัว โดยทำเลสุดฮิตของชาวเมียนมาจะอยู่นอกเขตเมือง เช่น สันกำแพง หางดง
รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ บริษัทคอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อพฤติกรรมของลูกค้าชาวเมียนมาที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยจะแตกต่างจากชาวจีนและชาวรัสเซียชัดเจน คนเมียนมาชอบความเป็นส่วนตัวสูง ไม่นิยมอยู่กันเป็นชุมชนเช่น ย่านไชน่าทาวน์
นอกจากนี้ ลูกค้าชาวเมียนมามีแนวโน้มในความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยมากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำธุรกิจสตาร์ทอัพเริ่มออกมาขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น ถึงแม้ว่าชาวเมียนมาจะไม่ได้ซื้อในแง่จำนวนยูนิตมากมาย ซึ่งไม่เหมือนชาวจีน แต่ในด้านราคาต่อยูนิตกลับซื้อมีมูลค่าสูงมาก เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง
ขอบคุณที่มา : https://www.nationthailand.com/business/property/40035906
https://www.bangkokbiznews.com/property/1114987
แสนสิริ เปิดตัว “พินน์ ศูนย์วิจัย” พรีเมียมเพนท์เฮาส์พร้อมอยู่ เพียง 18 ยูนิต ใจกลางพระราม 9
เมื่อวานนี้
เอสบี อัพเกรด “Wardrobe Plus Pro” เปลี่ยนตู้เสื้อผ้าธรรมดาสู่ไอเทมมาสเตอร์พีซ คัดวัสดุพรีเมียม-ดีไซน์ล้ำ-เพิ่ม Space-การันตีความปลอดภัย
เมื่อวานนี้
ศุภาลัย สะท้อน DNA ผ่านหนังโฆษณา “ชีวิตเปลี่ยนไป สุขได้ไม่เปลี่ยนแปลง”
2024-07-25
แสนสิริ ชูโมเดล “Green Supply Chain” ชวนพาร์ตเนอร์ร่วมเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างความยั่งยืน รองรับเศรษฐกิจสีเขียว
2024-07-25
เสนา อัดโปร “เฟล็กซี่ ริเวอร์วิว–เจริญนคร” คอนโดวิวโค้งแม่น้ำ ผ่อนเบา 3,900 บาท* ฟรี! แอร์*+เฟอร์* พร้อมส่วนลดพิเศษ วันที่ 3–4 ส.ค.นี้ เท่านั้น
2024-07-25
เร็วๆนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ติดต่อคุณ
หากไม่ต้องการให้ช่วยเหลือแล้ว กรุณากดยกเลิกได้ในอีเมลที่คุณได้รับ
วิเคราะห์ทำเลได้ดีมากค่ะ เห็นภาพตามชัดเจน
ชอบการเขียนลงทุนค่ะ
ดีมากๆ เป็นเว็บที่ให้ข้อมูลดีค่ะ
ชอบบทความที่นี่จัง ได้ความรู้
Good Job !!!