รายการโปรด
Salaryman Estrator
ผมเชื่อว่าหลายคนเมื่อคิดจะ ซื้อบ้าน อาจประสบกับปัญหาในด้านต่างๆ ซึ่งหนึ่งในปัญหาหลักของคนที่ซื้อบ้านส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นเรื่อง "กู้ไม่ผ่าน" หรือ "จองไปแล้วแต่ธนาคารไม่ปล่อย" โดยแทบจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในการจะซื้อบ้านเลยทีเดียว
ก่อนอื่นเลยผมขอพูดถึงระบบของธนาคาร โดยทั่วไปแล้วหลักการของธนาคารจะมีความคล้ายคลึงกับการให้เพื่อนยืมเงินนั่นเอง แต่มีการคิดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งปกติธนาคารต้องการได้เงินต้นคืนเป็นอันดับแรกต่อมาคือการคิดดอกเบี้ยตามลำดับ
บทความนี้จะรวบรวมปัจจัยเพื่อให้คุณสามารถเช็คความพร้อมของตนเองก่อนตัดสินใจจองบ้าน โดยปัจจัยเหล่านี้จะเป็นการวิเคราะห์ตัวเอง ธนาคาร รวมถึงแนวคิดที่น่าสนใจในการกู้บ้านเพื่อให้การกู้บ้านของคุณผ่านได้ง่ายขึ้น
สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีรายได้พอผ่อนคืน ยกตัวอย่างเช่น บางคนได้เงินเดือน 20,000 บาท/เดือน แต่ต้องการผ่อนบ้านในราคา 15,000 บาท /เดือน ซึ่งเป็นกรณีที่เสี่ยงเกินไปอาจส่งผลให้ทางธนาคารนั้นไม่อนุมัติได้ โดยปกติแล้วทางธนาคารจะคิดอัตราการผ่อนได้ไม่เกินครึ่งหนึ่งของรายได้
ในเรื่องของเม็ดเงินที่ธนาคารจะอนุมัตินั้นสามารถสอบถามทางธนาคารเพื่อให้ประเมินรายได้และราคาที่สามารถผ่อนได้ เช่น หากคุณมีรายได้ 20,000 บาท /เดือน จะผ่อนได้รวมไม่เกิน 10,000 บาท/ เดือน โดยยอดผ่อนรวมนี้คือทุกอย่างที่คุณกำลังผ่อนอยู่ในขณะนั้น
2. รายได้ต้องมีความน่าเชื่อถือและมั่นคง
หากคุณมีเอกสารรายได้ครบจะช่วยลดปัญหาการกู้ยืมธนาคารได้ แต่ถ้าหากไม่มีเอกสารอาจส่งผลให้เกิดปัญหาโดยธนาคารจะไม่เชื่อถือในรายได้ที่คุณมี ซึ่งส่วนใหญ่รายได้ที่ไม่มีสลิปธนาคารจะขอเอกสารเพิ่มเติมเยอะมาก หากให้เอกสารเพิ่มเติมไม่ได้ทางธนาคารก็จะไม่เชื่อว่าเป็นรายได้แม้จะเป็นรายได้จริงก็ตาม และในบางกรณีที่ให้เอกสารประเภทรายได้ “ไม่ประจำ” แบบนี้ธนาคารจะหักลดสัดส่วนรายได้ลงไปอีก
3) ต้องไม่เคยหนีหนี้ใคร
ทางธนาคารจะตรวจสอบได้จาก Credit bureau คือ ถ้าไม่เคยจ่ายหนี้มาก่อนจากที่ไหนก็ตามทางธนาคารจะไม่ให้กู้เงินครับและต้องรอประมาณ 1 ปี ธนาคารจึงจะเปิดให้กู้ยืมเงินได้อีกครั้ง หรืออีกทางหนึ่งก็ต้องใช้ชื่อคนในครอบครัวที่มีรายได้พอมาทำเรื่องกู้แทน
4) ต้องมีทรัพย์ค้ำประกัน
ปัจจัยในการที่ธนาคารจะเงินปล่อยให้เรากู้ยืมนั้นสิ่งสำคัญ เพื่อทำให้ธนาคารเชื่อเราได้ว่าจะต้องมีเงินคืนให้กับธนาคารได้นั้นก็คือ ทรัพย์ค้ำประกัน ในกรณีที่เราต้องการซื้อบ้านก็จะต้องมีบ้านเป็นทรัพย์ค้ำประกันนั่นเอง นี่คือเหตุผลว่าทำไมธนาคารจะให้กู้ไม่เกิน 90-100% ของราคาประเมิน ซึ่งในบางกรณีราคาประเมินกับราคาขายอาจไม่เท่ากันโดยเฉพาะบ้านมือ 2
5) ควรต้องมีเงินเก็บ
หากคุณจะขอกู้เงินทั้งหมด 100 % อาจเกิดปัญหากับทางธนาคารเพราะธนาคารจะเชื่อว่าคุณไม่มีรายได้มากพอและไม่มีเงินเก็บ ซึ่งส่งผลให้มีโอกาสไม่จ่ายหนี้สูง แต่ถ้าหากเราสามารถแสดงบัญชีเงินเก็บหรือหุ้นที่ยืนยันได้ว่าเรามีเงินเก็บ ก็จะช่วยให้ธนาคารพิจารณาปล่อยกู้เราได้ง่ายขึ้น หรือบางครั้งได้ดอกเบี้ยดีขึ้นได้
เป็นยังไงกันบ้างครับ ถ้าคุณมีคุณสมบัติครบทั้ง 5 ข้อก็ไม่ต้องกังวลอะไร โอกาสที่จะกู้ผ่านมีสูงยังไงต้องมีซักธนาคารที่ปล่อยกู้ให้คุณ สำหรับคนที่ตกข้อใดข้อหนึ่งไปให้พึงระวังเวลาจะวางจองอะไรไปครับ มีโอกาส "สูงมาก" ที่คุณจะกู้ไม่ผ่าน เพราะธนาคารจะปล่อยกู้เมื่อมั่นใจว่าจะได้เงินต้นคืนเท่านั้น
ในความเป็นจริง ถ้าคุณมีติดขัดข้อไหน อย่าว่าแต่ธนาคารจะไม่ให้กู้เลยครับ ต่อให้ธนาคารให้กู้คุณก็น่าจะผ่อนลำบาก เพราะธนาคารจะช่วยคัดกรองและเตือนเราไปในตัว ผมแนะนำให้คุณเสียเวลาเพิ่มอีกนิดในการเตรียมให้ตัวเองพร้อม "ซื้อบ้านช้าไปปีนึงไม่เห็นเป็นไร แต่ถ้าซื้อเร็วไปชีวิตพังได้ง่ายๆ"
สุดท้าย ผมอยากเน้นย้ำเหมือนเดิม ซื้อบ้านในระดับที่พอดี ที่เราอยากได้ ไม่ใช่ในระดับที่อยากให้คนอื่นเห็น คุณและครอบครัวจะไม่ลำบากครับ
ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย รู้เรื่องดีค่ะ
รีวิวเขียนดีจังค่ะ
ได้ประโยชน์มากๆ อ่านสนุกดี