Knowledge

ประกันภัยบ้าน สิ่งที่หลายคนมองข้าม

Livinginsure_BK 2022-11-28 11:32:43

 

สวัสดีครับ เจอกันอีกครั้งกับประกันเรื่องใกล้ตัว กับ Art Living Insure ครับ 

มา EP นี้ผมจะมาพูดเรื่องบ้านกันบ้างดีกว่า บ้าน....ผมถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงที่สุดในชีวิตของใครหลาย ๆ คนก็ว่าได้ ส่วนตัวผมเองก็เช่นกัน และที่สำคัญยิ่งนานวันราคายิ่งขึ้น ด้วยมูลค่าของที่ดินที่ขึ้นทุกปี แตกต่างจากรถยนต์ถึงซื้อมาราคาแพงก็จริงแต่ยิ่งนานวันมูลค่ายิ่งลดลง

 

แต่.....ผมอยากให้ทุกคนสังเกตกัน ส่วนใหญ่คนจะทำประกันรถยนต์แต่ไม่ค่อยทำประกันภัยบ้านกันสักเท่าไร หรืออย่างมากก็ทำตอนกู้ขอสินเชื่อบ้านที่ทางธนาคารให้ทำเท่านั้น พอจบแล้วก็จบกันไม่ทำต่อ ผมก็เลยแปลกใจว่าเพราะอะไรกันนะ คนถึงไม่ค่อยอยากทำประกันภัยบ้าน ทั้ง ๆ ที่เบี้ยประกันภัยก็ถูกกว่ารถตั้งเยอะ แถมความคุ้มครองก็สูงกว่าด้วย

 

ผมอยากให้ทุกคนดูสถิติของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กันนะครับ ในปี 2564 ปรากฏว่า 

 

1.มีเหตุอัคคีภัยเกิดขึ้นทั้งหมด 1,999 ครั้ง อาคาร/บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 2,458 หลัง พื้นที่ธุรกิจได้รับผลกระทบ 250 แห่ง 

 

2.เกิดอุทกภัยขึ้นในพื้นที่รวม 73 จังหวัด บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 241,480 หลัง

 

3.เกิดวาตภัยขึ้นในพื้นที่รวม 76 จังหวัด บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 78,992 หลัง

 

เห็นไหมครับว่าจากสถิติที่ผมเอามาให้ดูสะท้อนให้เห็นถึงภัยหลายอย่างที่สามารถทำให้บ้านเรือนเสียหายได้ แถมบางภัยทำให้บ้านเสียหายทั้งหลังก็มี เช่น การเกิดอัคคีภัย เป็นต้น


 

ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าภัยต่าง ๆ นั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ของโลกหรือที่เรียกว่าปรากฏการณ์เอลนีโญ และลานีญา ตัวนี้เราจะเรียกว่า ภัยธรรมชาติ แต่ก็ยังมีภัยอีกอย่างหนึ่งที่เรามองข้ามไม่ได้คือ ภัยจากความประมาทหรืออุบัติเหตุ เช่น จุดเทียนทิ้งไว้ ไฟฟ้าลัดวงจร หรือภัยจากบริเวณข้างเคียง เป็นต้น ซึ่งภัยทั้งหมดนี้เราไม่อาจรับรู้ได้ล่วงหน้า จะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ไม่รู้ ทำได้เพียงจะรับมืออย่างไรเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้วเท่านั้นเอง
 

ผมเคยเจออยู่กรณีนึงนะครับ อยากจะมาเล่าให้ฟัง คือ บ้านนาย ก. เกิดไฟไหม้ และไฟเจ้ากรรมดันลามไปไหม้บ้านของนาย ข. ด้วย จนทำให้บ้านนาย ข. เสียหายหนัก นาย ข. จึงทำการฟ้องร้อง นาย ก. ให้ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น แถมเจอแจ็คพอตว่า นาย ก. ไม่ได้ทำประกันภัยบ้านไว้อีกต่างหาก เคสนี้ นาย ก. ถึงกับต้องขายทรัพย์สินที่เหลืออยู่เพื่อนำไปใช้หนี้ให้ นาย ข. ซึ่งพูดง่าย ๆ ว่า งานนี้นาย ก. รับไว้คนเดียวเต็ม ๆ

 

 

วันนี้ผมเลยอยากจะมาแนะนำทุกคน ๆ ถึงเครื่องมือที่จะช่วยบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวบ้านของเราหรือบ้านใกล้เคียงด้วยหากบ้านเราเป็นต้นเหตุ บางท่านอาจจะรู้แล้ว หรือบางท่านอาจจะยังไม่รู้นะครับ เครื่องมือนั้นเรียกว่า ประกันภัยสำหรับที่อยู่อาศัย

 

ประกันภัยตัวนี้มันคุ้มครองอะไรบ้าง?

ประกันภัยสำหรับที่อยู่อาศัยนี้จะคุ้มครองบ้านของเราจากเหตุไฟไหม้ ฟ้าผ่า การระเบิดจากแก๊สหุงต้ม ภัยธรรมชาติ (ลมพายุ ลูกเห็บ แผ่นดินไหว น้ำท่วม) ภัยเนื่องจากน้ำ (น้ำฝน น้ำแอร์ น้ำจากท่อประปา) นอกจากนี้ บางบริษัทมีการออกแพ็กเกจความคุ้มครองที่ครอบคลุมไปถึงกรณีกระจกที่ติดกับตัวบ้านแตก โจรมางัดแงะบ้านเพื่อขโมยของ รวมถึงกรณีที่เราทำให้คนอื่นบาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหายอีกด้วย ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ครอบคลุมกับความเป็นอยู่ของเจ้าของบ้านนั่นเอง

 

เบี้ยประกันภัยบ้านนั้นถูกมาก

เบี้ยประกันภัยบ้านนั้นเรียกว่าถูกมาก  ๆ เลยครับเมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่เราได้รับ หากเราซื้อ *ทุนประกันภัย 500,000 บาท เพื่อคุ้มครองไฟไหม้ ฟ้าผ่า ภัยเนื่องจากน้ำ (ไม่รวมน้ำท่วม) ภัยธรรมชาติ ( ลูกเห็บ ลมพายุ แผ่นดินไหว ) ค่าเช่าบ้านหากบ้านเกิดเหตุจนอยู่บ้านไม่ได้ เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 645.21 บาทต่อปี เท่านั้นเอง! เพราะฉะนั้น อย่าปล่อยบ้านเอาไว้ จนต้องมาบอกว่ารู้งี้ทำไว้ดีกว่า....(*หากเกิดเหตุกับบ้านเราจนทำให้เสียหายทั้งหลัง เราจะได้ความคุ้มครองที่ 500,000 บาท) 
 

ความคุ้มครองที่สามารถเคลมได้เเต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้

1.ภัยเนื่องจากน้ำ (ไม่รวมน้ำท่วม) ตัวนี้จะคุ้มครองในกรณีน้ำฝนรั่วซึมผ่านหลังคาที่แตกหัก วงกบประตูหน้าต่าง เข้ามาในบ้าน รวมถึงการรั่วซึมของน้ำแอร์ หรือน้ำจากท่อน้ำประปาภายในบ้านแตก จนทำให้ฝ้า ผนัง หรือทรัพย์สินภายในบ้านเสียหาย ตรงนี้สามารถเคลมค่าซ่อมแซมได้นะครับ

 

2.การโจรกรรม หากมีมิจฉาชีพงัดประตูหน้าต่าง เพื่อเข้ามาขโมยทรัพย์สินภายในบ้าน ตรงนี้สามารถเคลมได้ทั้งค่าซ่อมประตู หน้าต่าง ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนตัวล๊อคประตูหรือกุญแจ รวมถึงทรัพย์สินที่ไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้นตามกรมธรรม์

 

3.ค่าเช่าบ้านชั่วคราว หากบ้านของเราเสียหายจนไม่สามารถอยู่ได้ ต้องไปเช่าบ้านอยู่ชั่วคราว ตรงนี้ก็สามารถเคลมค่าเช่ารายวันได้เช่นเดียวกัน

 

4.ความคุ้มครองกระจกที่ติดมากับตัวบ้านไม่ว่าจะเป็นกระจกประตูหน้าบ้าน กระจกหน้าต่าง กระจกที่เป็นฉากกั้นในห้องน้ำ หากมีการแตกร้าวเนื่องจากอุบัติเหตุก็สามารถเคลมได้เช่นกัน

 

5.ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ตัวนี้หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยิน ผมจะบอกว่าตัวนี้สำคัญเหมือนกันนะครับผมจะบอกอะไรดี  ๆ ให้ หากวันหนึ่งมีญาติมาเยี่ยมที่บ้านแล้วลื่นน้ำที่หกภายในบ้านจนได้รับบาดเจ็บ เชื่อไหมว่ากรมธรรม์คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลให้ด้วยนะ หรือในกรณีสุนัขที่เราเลี้ยงไว้ดันหลุดไปกัดคนอื่นที่อยู่บริเวณหน้าบ้านของเรา ตรงนี้คนที่โดนกัดก็ได้รับความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเช่นเดียวกัน หรือคนที่อยู่คอนโดจะเจอบ่อย ๆ คือ ก๊อกน้ำในห้องแตกแล้วน้ำไหลเข้าไปห้องข้าง ๆ จนทำให้ทรัพย์สินภายในห้องของเขาเสียหาย ตรงนี้ก็ให้คุ้มครองอีกด้วย เห็นไหมครับว่ามันสำคัญจริง ๆ (เหมือนตัวอย่าง ไฟไหม้บ้าน นาย ก. แล้วลามไปบ้าน นาย ข. นั่นเอง)

 

6.ประกันภัยอุบัติเหตุ บางบริษัทจะให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุกับเจ้าของบ้านด้วย หากเจ้าของบ้านเกิดเสียชีวิตจากอุบัติเหตุไม่ว่าจะอยู่ที่ได้ก็ตาม หรือในกรณีที่สมาชิกภายในบ้านเสียชีวิตในบ้านที่เกิดเหตุ บริษัทประกันก็จะจ่ายเงินทดแทนการเสียชีวิตให้กับผู้รับผลประโยชน์ตามทุนที่กำหนดไว้ เรียกได้ว่าคุ้มครองแบบครอบคลุมกันเลยทีเดียว
 

แล้วเราจะซื้อประกันภัยบ้านยังไงให้คุ้มค่า ? 

ผมขอแนะนำแบบนี้ก่อนอื่นเลยประกันภัยบ้านจะให้ความคุ้มครอง 2 ส่วน คือ 
1. สิ่งปลูกสร้าง (ไม่รวมฐานราก)

2. ทรัพย์สินภายในสิ่งปลูกสร้าง 
เราต้องพิจารณาดูว่าอยากจะซื้อประกันเพื่อคุ้มครองข้อ 1 หรือข้อ 2


 

หากต้องการให้คุ้มครองสิ่งปลูกสร้างอย่างเดียวแบบที่ธนาคารให้ทำตอนกู้สินเชื่อ

เราก็แค่จ่ายเบี้ยประกันภัยตามทุนประกันสิ่งปลูกสร้างอย่างเดียว

(ทุนประกันภัย = พื้นที่ใช้สอย x มาตรฐานราคาสิ่งปลูกสร้างอาคาร ไม่ต้องเอามูลค่าที่ดินมารวมนะครับ) 


หากต้องการให้คุ้มครองแต่ทรัพย์สินภายในสิ่งปลูกสร้าง

เพียงแค่คำนวณว่าทรัพย์สินภายในบ้านของเรามูลค่าประมาณเท่าไร และซื้อทุนประกันตามมูลค่านั้นได้เลย เบี้ยประกันภัยก็จะคิดตามทุนที่ซื้อเช่นเดียวกัน

 

แต่ทั้งนี้ผมขอแนะนำให้ซื้อทุนประกันทั้งสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินภายในสิ่งปลูกสร้างนะครับ เพราะเราจะได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น หากน้ำรั่วลงฝ้า แต่เราซื้อแค่ทุนทรัพย์สินภายในสิ่งปลูกสร้างไว้ ตรงนี้เราจะไม่ได้รับความคุ้มครองนะครับ เนื่องจากฝ้าถือเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งปลูกสร้าง

 

หรือหากน้ำรั่วจนทำให้ฝ้าพังลงมาทับโทรทัศน์จนทำให้โทรทัศน์พัง ถ้าทำประกันแค่สิ่งปลูกสร้างไว้ก็จะได้ชดเชยแค่ค่าซ่อมแซมฝ้าเท่านั้น ในส่วนโทรทัศน์ที่ถือว่าเป็นทรัพย์สินภายในสิ่งปลูกสร้างก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองเช่นกัน เห็นไหมครับว่าการทำงานของความคุ้มครองแต่ละตัวจะแยกการทำงานกัน เพราะฉะนั้นเพื่อความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุดควรจะทำทั้งคู่นะครับ

 

ทั้งนี้ บ้านถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดสำหรับใครบางคน ผมก็อยากให้ทุกคน ให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยบ้านกันนะครับ เพราะเราไม่รู้หรอกว่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่มาทำให้บ้านของเราเสียหายบ้าง ซึ่งผมอยากจะบอกว่าประกันมีไว้ไม่ได้ใช้ ดีกว่าอยากใช้แต่ไม่มีนะครับ

 

มาถึงตอนท้ายของ EP ที่สี่กันแล้ว ทุกครั้งที่เราจะทำประกันภัยผมขอแนะนำว่า “ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง” และในการทำประกันภัยจะต้องยึดหลักที่ว่า “ความสุจริตใจอย่างยิ่งในการทำประกัน” เพราะจะได้ไม่ทำให้เกิดปัญหาในตอนเคลมกันนะครับ

 

จบแล้วครับสำหรับบทความใน EP ที่สี่ และใน EP ต่อไปผมจะมารีวิวหรือแนะนำแผนอะไรต่อ รอติดตามกันนะครับ หรือถ้าใครมีข้อสงสัย หรือต้องการให้รีวิวแผนประกันอะไรเพิ่มเติมสามารถส่งมาได้เลยนะครับ

 

แล้วพบกันใหม่กับ ประกันเรื่องใกล้ตัว กับ Art Living Insure สำหรับวันนี้สวัสดีครับ
 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider