News
icon share

สิงห์ เอสเตท กางแผนยุทธศาสตร์ปี 65 ดันรายได้พุ่งเท่าตัวทำนิวไฮแตะ 1.34 หมื่นล้าน

LivingInsider Report 2022-03-21 15:51:43
สิงห์ เอสเตท กางแผนยุทธศาสตร์ปี 65 ดันรายได้พุ่งเท่าตัวทำนิวไฮแตะ 1.34 หมื่นล้าน

กรุงเทพฯ - 21 มีนาคม 2565 - บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เผยทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2565 คาดจะสามารถผลักดันให้เกิดการเติบโตของรายได้กว่าเท่าตัวทำสิถิติสูงสุดใหม่อยู่ที่ 1.34 หมื่นล้าน ด้วยกลยุทธ์กระจายการลงทุน และจับมือพันธมิตรเสริมความแข็งแกร่งในทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจหลัก พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ ขยายตัวเฉลี่ยปีละ 25% ใน 5 ปี เร่งหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ รับเมกะเทรนด์ สร้างซินเนอร์จีธุรกิจ เชื่อมพันธมิตรหนุนการเติบโต 

 

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า “ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตทได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์กระจายการลงทุนเพื่อสร้างความหลากหลายใน 4 กลุ่มธุรกิจที่เชื่อมโยงกัน ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างสม่ำเสมอในปี 2565 นี้

สิงห์ เอสเตท กางแผนยุทธศาสตร์ปี 65 ดันรายได้พุ่งเท่าตัวทำนิวไฮแตะ 1.34 หมื่นล้าน

 

เราจึงมีแผนในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านรายได้และการเงินอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการต่างๆ รวมถึงโครงการร่วมทุนกับพันธมิตร และการนำทรัพย์เข้ากอง เอส ไพรม์ โกรท หรือ SPRIME โดย เราคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากผลงานในปี 2564 ซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 7,739 ล้านบาท อีกเกือบเท่าตัว โดยตั้งเป้าเป็นนิวไฮอยู่ที่ 13,400 ล้านบาท”

 

การเติบโตใน 4 ธุรกิจหลักได้กว่าเท่าตัว นิวไฮอยู่ที่ 13,400 ล้านบาท

ด้วยกลยุทธ์กระจายการลงทุนเพื่อสร้างความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้ สิงห์ เอสเตท สามารถสร้างการเติบโตได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยรายได้ 13,400 ล้านบาทจะมาจากธุรกิจที่อยู่อาศัย 25% ธุรกิจอาคารสำนักงาน 8% ธุรกิจโรงแรม 63% และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและอื่นๆ 4%

 

ธุรกิจที่อยู่อาศัย ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 50% ในปีนี้ จากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดพร้อมอยู่ 2 โครงการได้แก่โครงการ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ (The ESSE at Singha Complex) และ ดิ เอส อโศก (The ESSE Asoke) รวมไปถึงโครงการบ้านแนวราบ "สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส"

สิงห์ เอสเตท กางแผนยุทธศาสตร์ปี 65 ดันรายได้พุ่งเท่าตัวทำนิวไฮแตะ 1.34 หมื่นล้าน

 

ซึ่งมีมูลค่า Backlog อยู่ที่ 2,600 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ 70% ในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดโครงการแนวราบเพิ่มอีก 1 โครงการในทำเลพัฒนาการในช่วงครึ่งหลังของปีมูลค่า 2,900 ล้านบาท โดยจะสามารถรับรู้รายได้ทันในปี 2565 นี้ 

 

ธุรกิจอาคารสำนักงาน กลางปีนี้จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของโครงการ เอส โอเอซิส (S OASIS) ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานพร้อมพื้นที่รีเทลแห่งใหม่ล่าสุดย่านลาดพร้าวด้วยพื้นที่รวม 55,700 ตารางเมตร ซึ่งบริษัทฯตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy rate) ราว 50% ณ ปีที่เปิดให้บริการ รวมถึงการกลับมาเปิดตัวอีกครั้งของโครงการ เอส เมโทร (S METRO) อาคารสำนักงานหรูย่านพร้อมพงษ์ 

สิงห์ เอสเตท กางแผนยุทธศาสตร์ปี 65 ดันรายได้พุ่งเท่าตัวทำนิวไฮแตะ 1.34 หมื่นล้าน

 

ธุรกิจโรงแรม เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึงประมาณ 88% สร้างรายได้แตะ 8,500 ล้านบาท ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้ประกอบการโรงแรมไทยที่มียอดรายได้สูงขึ้นเป็นอันดับที่ 2 อันเป็นผลมาจากกลยุทธ์การทำธุรกิจแบบกระจายความเสี่ยง (Well-diversified portfolio) ผ่านการมีโรงแรมในเครือที่ตั้งอยู่ในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก

 

โดยเฉพาะพอร์ตในสหราชอาณาจักรและมัลดีฟส์ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวเร็วที่สุดของโลก ทั้งนี้ ธุรกิจโรงแรมยังมีโอกาสเติบโตได้อีก หากภาคการท่องเที่ยวและโรงแรมในไทย สามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้นในช่วงท้ายของปี 2565

 

นอกจากนี้ บริษัทฯได้ดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาโครงการโรงแรมในเครือที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง เพิ่มรูปแบบการให้บริการเพื่อกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย เช่น การเพิ่มห้องพักแบบพูลวิลล่าในรีสอร์ทที่ประเทศมัลดีฟส์เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลาง ตลอดจนการปรับสมดุลพอร์ตผ่านกลยุทธ์หมุนเวียนและต่อยอดการลงทุน (Asset Rotation) ที่จะยกระดับการให้บริการรวมถึงอัตราราคาห้องพักเฉลี่ย

 

ต่อวันสูงขึ้นได้ราว 10-20% ซึ่งคาดว่าโรงแรมในเครือที่มีการปรับปรุงใหม่แล้วเสร็จ จะสามารถสร้างผลกำไรที่เพิ่มขึ้นได้ถึงกว่า 40% 

 

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ในปี 2565 มีความพร้อมในการรับรู้รายได้จากการขายและโอนที่ดินเป็นปีแรก หลังจากที่ได้มีการเข้าไปลงทุนและปรับพื้นที่และก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานไปแล้วในปี 2564 ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าโอนที่ดินในปีนี้ราว 15% ของพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมซึ่งมีพื้นที่ขายรวมราว 992 ไร่

 

สร้างความแข็งแกร่งทางการเงินผ่านการร่วมทุนและกองทุน REIT

ที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท ได้มีการประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจต่างๆ เพื่อขยายศักยภาพในการลงทุนและการพัฒนาโครงการในทุกพอร์ตธุรกิจ อาทิ การร่วมทุนกับฮ่องกง แลนด์ เพื่อขยายฐานลูกค้าต่างชาติ และพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับอัลติเมทลักชัวรี อย่าง ดิ เอส สุขุมวิท 36 (THE ESSE SUKHUMVIT 36) มูลค่ากว่า 5,900 ล้านบาท

 

การร่วมทุนกับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ อย่าง วาย อีโค เวิลด์ ดีเวลลอปเปอร์ จำกัด (WEWD) เพื่อพัฒนาโครงการรีสอร์ทแห่งใหม่พร้อมวิลล่าหรู 80 หลัง “โซ/ มัลดีฟส์” (SO/ MALDIVES) ที่จะเติมเต็มรีสอร์ตชั้นนำอีกสองแห่ง สนับสนุนให้โครงการ “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” (CROSSROADS MALDIVES) ตอบโจทย์ลูกค้าที่หลากหลายได้ในทุกช่วงราคา

สิงห์ เอสเตท กางแผนยุทธศาสตร์ปี 65 ดันรายได้พุ่งเท่าตัวทำนิวไฮแตะ 1.34 หมื่นล้าน

 

นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตท ยังวางแผนให้เช่าระยะยาวอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกระดับพรีเมียมของบริษัท 3 อาคาร ประกอบด้วย สิงห์ คอมเพล็กซ์ เอส เมโทร และพื้นที่ค้าปลีก ซันทาวเวอร์ส แก่กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (“SPRIME”)

 

เพื่อให้เป็นไปตามกลยุทธ์บริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ ที่จะมีการ Recycle capital สร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน รองรับการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และจะดันให้ SPRIME ขึ้นแท่นเบอร์ 1 กองทรัสต์ประเภทอาคารสำนักงาน 

 

ช่วงปลายปี 2564 สิงห์ เอสเตท ได้เข้าลงทุนในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน โดยถือหุ้น 30% ในบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 1 จำกัด  ซึ่งดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าประเภทพลังความร้อนร่วม ด้วยกำลังผลิต 123 เมกะวัตต์ และปี 2565 นี้ บริษัทฯ จะสามารถรับรู้ผลประกอบการของโรงไฟฟ้าเต็มปีเป็นครั้งแรก

สิงห์ เอสเตท กางแผนยุทธศาสตร์ปี 65 ดันรายได้พุ่งเท่าตัวทำนิวไฮแตะ 1.34 หมื่นล้าน

 

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมลงทุนกับ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 2 จำกัด และบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 3 จำกัด เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมอีก 2 แห่งด้วยกำลังการผลิตรวม 280 เมกะวัตต์ ซึ่งโรงไฟฟ้าทั้งสองโรงจะสามารถดำเนินการจ่ายไฟฟ้าได้ในปี 2566

 

ขยายธุรกิจตอบโจทย์ความต้องการของตลาดผ่านอินเทอร์นัลซินเนอร์จีและพันธมิตรทางธุรกิจ

นางฐิติมา ยังได้เผยถึงวิสัยทัศน์และทิศทางการดำเนินธุรกิจของ สิงห์ เอสเตท ใน 5 ปีนี้ โดยพุ่งเป้าไปที่การสร้างซินเนอร์จีใน 4 กลุ่มธุรกิจ เชื่อมโยงสู่โอกาสและการต่อยอดทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ และตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในปัจจุบัน

 

"เพื่อให้ สิงห์ เอสเตท สามารถก้าวไปเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับแถวหน้าของประเทศไทย ที่ผนึกกำลังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่อง เราจึงได้ทำการศึกษาเทรนด์ด้านธุรกิจและวิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไปหลังจากที่เราอยู่กับยุคนิวนอร์มอลมากว่าสองปี และมองเห็นโอกาสและการสร้างสรรค์โมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่จะทำให้เราสามารถเสริมศักยภาพให้กับพอร์ตธุรกิจของเราในอนาคต

 

ขณะเดียวกัน เราจะใช้ประโยชน์จาก 4 กลุ่มธุรกิจในการสร้างให้เกิดธุรกิจร่วมเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตของเรา และการเติบโตในครั้งนี้ เราจะไม่เดินคนเดียว การทำงานกับพันธมิตรในธุรกิจร่วมทุนทำให้เห็นถึงผลสำเร็จแบบวงกว้าง

 

เราจึงกำลังอยู่ในระหว่างมองหาโอกาสในการร่วมมือกับพันธมิตรแขนงต่างๆ เพื่อให้เราสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และเสริมสร้างความแตกต่างที่ดีที่สุดให้กับบริษัทฯ ได้ โดยเราคาดว่าความพยายาม ดังกล่าว จะผลักดันให้เราสามารถขยายการเติบโตทางธุรกิจภายใน 5 ปีข้างหน้าเฉลี่ย 25% ต่อปี" นางฐิติมา กล่าว

 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider