News
icon share

บิ๊กอสังหาฯ ฝ่าปัจจัยลบแห่ผุดโครงการมูลค่าทะลุ 3.5 แสนล้าน! แนวราบพระเอก

LivingInsider Report 2022-02-01 13:17:22
บิ๊กอสังหาฯ ฝ่าปัจจัยลบแห่ผุดโครงการมูลค่าทะลุ 3.5 แสนล้าน! แนวราบพระเอก

10 บิ๊กเนมอสังหาริมทรัพย์เหยียบคันเร่งปีเสือ! ลุยเปิดโครงการใหม่มูลค่ารวมทะลุกว่า 3.5 แสนล้านบาท!! หลังอั้นมาร่วม 2 ปี ท่ามกลางปัจจัยลบเน้นพัฒนา “แนวราบ” ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูงกว่าคอนโดมิเนียม สามารถหยุดก่อสร้างหรือทยอยก่อสร้างได้กรณีมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

 

สุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด กล่าวว่า ในห้วงต้นปีเป็นช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะประกาศผลงานปีที่ผ่านมา พร้อมแผนการขับเคลื่อนธุรกิจประจำปี ซึ่งภายใต้สถานการณ์โควิดที่ยังคงมีความผันผวน

 

แต่เดือนแรกแห่งปีนี้ ผู้ประกอบการอสังหาฯ หลายรายวางแผนลงทุนอย่างคึกคักโดยพบว่ามี “โครงการใหม่” เพิ่มขึ้นจำนวนมากหลังจาก “ชะลอ” การเปิดตัวโครงการใหม่มานานกว่า 2 ปี โดยเฉพาะรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น “เอพี” ที่สร้างปรากฎการณ์เปิดโครงการสูงสุดในปีนี้อีกด้วย รวมทั้ง แสนสิริ ศุภาลัย ฯลฯ ระดมโปรเจคใหม่ลงตลาดอย่างต่อเนื่อง

 

หากพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่า ผู้ประกอบการอสังหาฯ เน้นการเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัย ประเภท “บ้านจัดสรร” มากขึ้น จนอาจจะก่อให้เกิดความกังวลใจว่าจะทำให้ตลาดบ้านจัดสรร(แนวราบ) มีปัญหาโอเวอร์ซัพพลายแบบเดียวกับที่เกิดในตลาดคอนโดมิเนียมหรือไม่อย่างไร? 

 

ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ ต้องพิจารณากันที่รูปแบบการพัฒนาและการขาย และกลุ่มผู้ซื้อบ้านในโครงการจัดสรร!! ทั้งนี้ เนื่องจากทั้ง 2 ปัจจัยดังกล่าว มีผลทำให้ตลาดบ้านจัดสรรไม่เหมือนกับคอนโดมิเนียม เพราะรูปแบบการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรนั้น การพัฒนาต้องใช้ที่ดินขนาดใหญ่ ซึ่งมีผลให้ต้องหาที่ดินที่มีราคาไม่สูงมาก และมีการพัฒนาโดยแบ่งออกเป็นเฟส ไม่ได้พัฒนาหรือก่อสร้างขึ้นมาพร้อมกันทั้งหมดทุกยูนิต
 


ดังนั้น โดยทั่วไปผู้ประกอบการบ้านจัดสรรจะทยอยเปิดขาย และทยอยก่อสร้างไปเรื่อยๆ เป็นเฟส โดยก่อสร้างส่วนของสำนักงานขาย พื้นที่ส่วนกลาง และส่วนของด้านหน้าโครงการไปก่อน จากนั้นทยอยเปิดขายไปเรื่อย แต่หากประสบปัญหาหรือยอดขายไม่เป็นไปตามที่คิด ก็อาจจะมีการหยุดการขายหรือหยุดการก่อสร้างเฟสที่เหลือได้ โดยไม่กระทบกับผู้ซื้อด้วย

 

สุรเชษฐ ระบุว่า กลุ่มผู้ซื้อบ้านจัดสรรยังเป็นกลุ่มที่มีความต้องการบ้านจริง(เรียลดีมานด์) “ไม่ได้" ซื้อเพื่อการลงทุนหรือต้องการขายใบจองแบบคอนโดมิเนียม

 

ดังนั้น เมื่อเป็นกลุ่มที่มีความต้องการจริง ก็เป็นการง่ายที่ผู้ประกอบการจะสามารถปิดการขายหรือว่าโอนกรรมสิทธิ์ได้ไม่ยาก เมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมที่อาจจะมีการขอสินเชื่อไม่ผ่าน! ขึ้นอยู่กับกำลังหรือฐานะการเงินของผู้ซื้อ แต่สุดท้ายจะมีผู้ซื้อรายใหม่เข้ามาทดแทนเสมอ และใช้เวลาในการขายไม่นานต่อ 1 โครงการ เนื่องจากบ้านในโครงการจัดสรรปัจจุบันใช้เวลาก่อสร้างที่ไม่นานมากเมื่อเทียบกับโครงการคอนโดมิเนียม 1 อาคาร

 


นอกจากนี้ หากพิจารณาถึงจำนวนโครงการที่เปิดขายใหม่ในปีนี้ของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงไม่มากนัก เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 อาจจะมีเพียงผู้ประกอบการบางรายเท่านั้นที่มีจำนวนโครงการเปิดขายใหม่มากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา 

 

"เรื่องของการเปิดขายโครงการใหม่ของทางผู้ประกอบการไม่น่ากังวลใจ เพราะก่อนเปิดขายจะมีการพิจารณา และวิเคราะห์มาอย่างดีแล้ว อีกทั้งเมื่อเป็นโครงการบ้านจัดสรรก็มีความยืดหยุ่นในการพัฒนามากกว่าโครงการคอนโดมิเนียมที่ไม่สามารถหยุดการก่อสร้างหรือทยอยก่อสร้างได้" ที่สำคัญตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคนิวนอร์มอล สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงได้ง่าย

 

ขอบคุณภาพและข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
https://www.bangkokbiznews.com/business/985732

 

 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider