News
icon share

เข็นคอนโดฯ สายสีม่วง ชิงเค้ก มาตรการกระตุ้น

LivingInsider Report 2019-11-18 10:31:47
เข็นคอนโดฯ สายสีม่วง ชิงเค้ก มาตรการกระตุ้น

 

บิ๊กเนมดัมพ์ราคา แจกแถม เทกระจาด คอนโดฯสายสีม่วง รับมาตรการอสังหาฯ ฝุ่นตลบ มั่นใจได้อานิสงส์ 20% พฤกษา ลดพลัม จาก 1 ล้านปลาย เหลือ 1.45 ล้าน ริชี่ ให้ทุกรายการ ด้านประทีป ตั้งมติธรรม ไม่เพิ่มซัพพลาย ขอรัฐทำควบคู่ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า

 

คอนโดฯสายสีม่วงรอระบาย โค้งท้ายปี 2562 ผู้ประกอบการ เร่งนำคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรรพร้อมโอน ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เทกระจาดรับมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ลดค่าโอน-จดจำนองรวมจาก 3% เหลือ 0.02% ทั้งนี้สมมติบ้านราคา 3 ล้านบาท ช่วยคนซื้อประหยัด 9 หมื่นบาท 

 

สมทบกับ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ลดดอกเบี้ยจากที่เคยลดตํ่าสุด 2.9% แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 2.5% คงที่ 3 ปี (หากกู้ผ่าน) ช่วยประหยัดได้ 800 บาทต่อเดือน กรณีบ้านราคา 3 ล้านบาท ยังไม่รวมการลดแลกแจกแถม ฟรี มิเตอร์นํ้า-ไฟ ฯลฯ ส่งผลให้นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึง วันที่ 24 ธันวาคม 2563 จะเป็นปีทองสำหรับคนพร้อมที่จะมีที่อยู่อาศัย

 

โดยเฉพาะทำเลรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ กว่า 10,000 หน่วย ราคาตั้งแต่ 1 ล้านปลาย- 3 ล้านบาท กำลังกลายเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ ใช้มาตรการลดค่าโอน-ลดจดจำนอง - ลดดอกเบี้ย ระบายสต๊อก แม้ประเมินว่าคอนโดฯสายสีม่วง น่าจะขายได้ไม่มาก เพราะมีคู่แข่งทั้งทาวน์เฮาส์ ทำเล และราคาไม่ต่างกัน อีกทั้งทำเลอื่นที่น่าสนใจกว่า

 

ทั้งนี้นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY ระบุมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ซื้อได้กว่า 1 แสนบาท ทั้งค่าโอน-จดจำนอง รวมจาก 3% เหลือ 0.02% 

 

รวมทั้งดอกเบี้ย 2.25% คงที่ 3 ปี ที่ธอส.ไม่เคยลดให้มากเช่นนี้มาก่อน ช่วยประหยัด ได้หลายหมื่นบาท ช่วยให้ผู้ที่มีความพร้อม มีกำลังซื้อบ้าน ทั้งหลงแรก หรือแม้แต่ หลังสอง หลังสาม สามารถช่วยระบายสต๊อกให้เบาบางลงได้

 

สำหรับคอนโดมิเนียมสายสีม่วง ยอมรับว่าได้อานิสงส์จากมาตรการลดหย่อน เนื่องจากราคาขายต่อหน่วย เฉลี่ยอยู่ที่กว่า 2 ล้านบาท ประเมินว่าจะช่วยระบายสต๊อกได้ 10-20% จาก 10,000 หน่วย แต่เนื่องจากทำเลนี้มักติดปัญหาแบงก์ปฏิเสธสินเชื่อค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นคนในพื้นที่รายได้ไม่สูง อีกทั้งมีหนี้ครัวเรือนค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันมีทำเลอื่นที่น่าสนใจกว่าแข่งขัน

 

นางอาภากล่าวต่อว่า บริษัท พัฒนาคอนโดฯสายสีม่วง 2 โครงการ ทำเล สถานีเตาปูน กรุงเทพมหานคร เหลือเพียง 5 หน่วย และ โครงการทำเลเชิงสะพานพระนั่งเกล้า นนทบุรี เหลือ 100 หน่วย มั่นใจว่าน่าจะระบายออกได้พอสมควร จากของแถม การลดราคา และ อานิสงส์มาตรการรัฐ

 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาทำเลสายสีม่วง ไม่ได้เกิดจากผู้ประกอบการ ต้องการสร้าง โดยไม่ตรวจสอบข้อมูลแต่ คอนโดมิเนียม ตึกสูง 20-40 ชั้น ต้องใช้เวลาก่อสร้างนาน ไม่ตํ่ากว่า 3 ปี ไม่สามารถชะลอโครงการได้ ซึ่งต่างจากบ้านจัดสรร เมื่อมีปัญหารถไฟฟ้าสายสีม่วง หยุดก่อสร้างนานถึง 5-6 ปี ทำให้คนชะลอตัดสินใจซื้อขณะการก่อสร้างยังต้องดำเนินต่อไป เพราะมีปัญหาเรื่องดอกเบี้ย

 

นอกจากนี้ขอเสนอรัฐบาลให้ชะลอมาตรการแอลทีวี (สินเชื่อต่อมูลค่าบ้าน) ออกไปในระยะสั้นๆ ผ่อนปรนเครดิตบูโร หากผิดนัดชำระหนี้เพียง 1,000-10,000 บาท แบงก์ผ่อนปรนกู้ซื้อบ้านได้ เป็นต้น

 

 

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท สะท้อนว่า ทาวน์เฮาส์ ของพฤกษา ได้อนิสงส์จากมาตรการนี้ค่อนข้างมาก เนื่องจากราคาขายไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย และคนต้องการบ้านแนวราบมากกว่า อยู่อาศัยคอนโดฯ หากได้รับสิทธิลดหย่อนเท่ากัน 

 

สำหรับคอนโดฯ แนวสายสีม่วง ยอมรับว่าน่าจะระบายออกได้บ้างแต่ ติดที่มีทาวน์เฮาส์ ในทำเลเดียวกัน ราคาไม่ต่างกัน แข่งขันอยู่ ส่วนพลัมคอนโด ติดเซ็นทรัลเวสต์เกต ล่าสุดจัดมหกรรมบ้านน่าอยู่ ลดราคาเหลือ 1.45 ล้านบาท จาก 1 ล้านบาทปลาย และคนเงินเดือน 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน ก็ซื้อได้และกู้ได้เต็ม อย่างไรก็ตาม ทุกโครงการในละแวกนั้นต่างลดราคาลงทุกโครงการเพื่อรับมาตรการชิงลูกค้า

 

ด้านนาย ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ. ศุภาลัย มองว่า น่าจะช่วยระบายสต๊อกได้บ้าง แต่สิ่งที่อยากให้รัฐสนับสนุนคือลดค่าผ่านทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง เพราะปัจจุบันค่ารถไฟฟ้าแพงกว่ารถตู้โดยสารและแท็กซี่ ทำให้คน ไม่สนใจซื้อคอนโดฯ แนวรถไฟฟ้า หากรัฐลดราคาลง รวมทั้งรถไฟฟ้าสายอื่นๆจะสามารถดึงคนอยากอยู่แนวรถไฟฟ้ามากขึ้น

 

สำหรับทำเลสายสีม่วง ศุภาลัย มีหลายโครงการตั้งแต่ แยกแครายเยื้องกับ ศาลากลางนนทบุรี อีกโครงการเยื้องเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ นอกจากนี้ยังมีโครงการ ก่อนข้ามสะพานพระนั่งเกล้า เป็นต้น แต่ทั้งนี้บริษัทยังมีที่ว่างรอขึ้นโครงการอีกแปลงประมาณ 5 ไร่ แนวสายสีม่วง ขณะนี้ชะลอโครงการออกไปก่อนจนกว่า ซัพพลายทำเลนี้จะลดลง

 

“มาตรการกระตุ้นอสังหาฯต้องทำคู่กับการลดค่าโดยสาร รถไฟฟ้า เพราะปัจจุบันค่าโดยสารแพงกว่ารถตู้ นอกจากนี้ควรยืดสัมปทานให้เอกชนยาวๆ ประชาชนจะได้ลดการใช้รถส่วนตัว และรถจะติดน้อยลง”

 

รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ลดภาระให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ด้วยการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย และจะต้องจดทะเบียนการโอน จดจำนองอสังหาริมทรัพย์ในคราวเดียวกัน ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562-24 ธันวาคม 2563 

 

ตลอดจนมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2.5% คงที่ 3 ปี วงเงิน 50,000 ล้านบาท มองว่าการออกมาตรการดังกล่าว มีส่วนกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงปลายปีให้คึกคัก และมีความสมเหตุสมผลในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นวงเงินมากกว่ามาตรฐานครั้งก่อนที่ออกมา นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหา ริมทรัพย์เปิดเผยว่า

 

“ที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทถือว่ามีความน่าสนใจเพราะเป็นระดับราคาที่ผู้ซื้อเป็นกลุ่มคนทั่วไป กลุ่มคนเริ่มทำงาน ผู้ปกครองที่ซื้อให้บุตรหลานในวัยศึกษาเล่าเรียน สามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้หากในอนาคตต้องการปล่อยเช่า ยังเป็นตลาดที่สามารถปล่อยเช่าให้กลุ่มคนทั่วไปได้เพราะราคาไม่สูงเกินไป 

 

โดยส่วนใหญ่อัตราเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12,000- 14,000 บาทต่อเดือน สามารถให้ผลตอบแทนการปล่อยเช่าอยู่ที่ประมาณ 4.5% ต่อปี การออกมาตรการของรัฐบาลครั้งนี้ถือว่าตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่กำลังซื้อระดับทั่วไปเริ่มชะลอมาหลายปี โดยจะเห็นว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการจะเลี่ยงไปออกโครงการในระดับลักชัวรีที่ไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว นอกจากนี้ยังมองว่ามาตรการนี้จะมีส่วนช่วยผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะรายเล็กที่เน้นพัฒนาโครงการขนาดเล็กในราคาระดับไม่เกิน 3 ล้านบาท”

 

ขอบคุณข่าวจาก ฐานเศรษฐกิจ

https://www.thansettakij.com/content/property/414366?utm_source=category&utm_medium=internal_referral

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

บทความอื่นๆ

livinginsider livinginsider