Review
นวมินทร์ รามอินทรา

THE CUBE PREMIUM รามอินทรา 34 ไลฟ์สไตล์พรีเมี่ยม ใครว่าต้องจ่ายแพง

LifeScape 2018-04-03 17:02:40

THE CUBE PREMIUM รามอินทรา 34

ไลฟ์สไตล์พรีเมี่ยม ใครว่าต้องจ่ายแพง

โดย LifeScape

 

ห้องประกาศ ขาย เช่า THE CUBE PREMIUM รามอินทรา 34 ดูที่นี่..

 

ชีวิตของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ท่านๆ ถ้าคิดจะหาคอนโดที่ได้ตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์ในราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในปัจจุบัน ถึงจะหายาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี ในปัจจุบันถ้าใครเคยได้มาแถว “รามอินทรา” ก็จะเห็นได้ว่า มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมาก ที่นี่มีแทบทุกอย่าง ไม่ต่างจากในเมือง ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า คอมมูนนิตี้มอลล์เก๋ๆ ร้านอาหารเท่ๆ โรงเรียนดังๆ โรงพยาบาลคุณภาพ ที่นี่มีให้หมด จนคุณแทบไม่ต้องขับรถไปไหนไกลๆเลย

 

วันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึก หนึ่งในคอนโดย่านรามอินทรา ที่ต้องบอกว่า จะให้คุณได้ ไลฟ์สไตล์พรีเมี่ยม ในราคาที่คุณจ่ายได้สบายๆ

 

The Cube Premium รามอินทรา 34

 

The Cube Premium รามอินทรา 34 โดย บริษัท คิวบ์ เรียล พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด เจ้าของคอนโดสไตล์ Low Rise ที่เปิดตัวมาแล้วเกือบ 10 โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นเกาะอยู่บนทำเลที่มีรถไฟฟ้าเข้าถึง บางโครงการ รถไฟฟ้าอาจจะไม่ได้ผ่านเป๊ะๆ แต่ก็เฉียดๆ อยู่ในระยะที่เดินหรือนั่งวินไปได้... นี่แหละที่ช่วยให้ราคาไม่สูงจนเกินไป 

 

สำหรับ The Cube Premium รามอินทรา 34 เป็น 1 ใน 2 โครงการของ The Cube ที่มาพร้อมกับคำว่า Premium ซึ่งจากการได้ไปดูห้องตัวอย่างและรายละเอียดโครงการก็ขอสรุปความ Premium ไว้คร่าวๆ ดังนี้


• ทำเล Premium อยู่ติดกับจุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์ที่เข้าสู่เอกมัย ทองหล่อ พระราม 9 เพชรบุรี อโศก สุขุมวิท ฯลฯ ได้ไม่ยาก จะติดก็แค่ในช่วงเวลาเร่งด่วนเท่านั้น และอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า 3 สาย คือ สายสีชมพู สายสีเทา และสายสีน้ำตาล

 

• ไลฟ์สไตล์ Premium รายล้อมด้วยคอมมิวนิตี้มอลล์หลายแห่งบนถนนเลียบด่วน และใกล้ 2 ตลาดนัดอย่างตลาดหัวมุมและตลาดนัดเลียบด่วน

 

• ดีไซน์และสไตล์ Premium ทุกยูนิตมาพร้อมดีไซน์คลาสสิคกึ่งโมเดิร์น เรียบๆ แต่มี details ใส่ใจรายละเอียดในชีวิตจริง พร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด และรองรับระบบ Smart Home

 

• คุณภาพชีวิต Premium นอกจากระบบความปลอดภัยพื้นฐานที่ควรจะมีแล้ว ที่นี่ยังให้ความสำคัญกับการช่วยชีวิตลูกบ้านที่อาจเกิดเหตุไม่คาดคิด ด้วยการติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจอัติโนมัติ เครื่องวัดความดัน พร้อมแถมกล้องวงจรปิดให้ทุกยูนิตเพื่อคอยจับสัญญาณความเคลื่อนไหวเตือนภัยส่งตรงถึงมือถือได้ทันที

 

มาเริ่มกันที่ข้อแรกกับ ทำเล Premium The Cube Premium รามอินทรา 34 ตั้งอยู่ในซอยรามอินทรา 34 ซึ่งเป็นซอยที่สามารถเข้าได้ทั้งทาง ถ.รามอินทรา และทาง ถ.เลียบด่วน พิกัดโครงการตามลิงค์นี้เลย https://goo.gl/maps/E3rymjvUEmM2

 

ถ้าเข้ามาจากปากซอย รามอินทรา 34 ก็ให้ตรงเข้ามาอย่างเดียว ไม่เกิน 600 เมตรก็จะเจอโครงการ The Cube อยู่ติดกับถนนใหญ่ภายในซอย ซึ่งเป็นถนนขนาด 4 เลน ภายในซอยมีทั้งอาคารพาณิชย์ที่เป็นทั้งที่อยู่อาศัย ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ รวมทั้งออฟฟิศสำนักงานเล็กๆ ทำให้ภายในซอยคึกคักพอควร


 

หรือถ้าลงมาจากทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์ ให้ลงตรงที่เขียนว่าไป ถ.รามอินทรา พอลงมาปุ๊บก็เตรียมชิดซ้ายเลย แล้วสังเกตชื่อซอยอยู่เย็น ซึ่งอยู่ก่อนถึงโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ตรงเข้าซอยไปประมาณ 1 กม. ก็จะเจอกับ The Cube Premium เช่นกัน หรือถ้าเลยซอยอยู่เย็นไปก็ไม่ต้องตกใจ ให้ขับรถตรงไปจนเจอแยกใหญ่ที่เขียนว่าทางไปพหลโยธิน หลักสี่ ก็เลี้ยวซ้ายไปไม่เกิน 200 เมตร ก็จะเจอป้าย รามอินทรา 34 


 

หรือถ้าต้องการขึ้นทางด่วนเพื่อเข้าเมืองก็สามารถออกมาทางปากซอยอยู่เย็น แล้วเตรียมชิดขวาเพื่อ ยูเทิร์นใต้สะพานทางด่วน ตรงไปประมาณ 2 กม. ก็ถึงด่านทางด่วนแล้ว

 

นอกจากนี้ ในอนาคตแถวนี้ก็จะมีรถไฟฟ้า 3 สาย คือ ชมพู เทา และน้ำตาล 


 

รถไฟฟ้าสายสีชมพู วิ่งจากแคราย-มีนบุรี รวม 30 สถานี ที่มีสถานีตัดกับรถไฟฟ้าถึง 5 สาย คือ ตัดกับสายสีส้มที่สถานีมีนบุรี ตัดกับสายสีเทาที่สถานีวัชรพล ตัดกับสายสีแดงที่สถานีหลักสี่ ตัดกับสายสีม่วงที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี และที่สำคัญคือ ตัดกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่จะไปยังกรุงเทพชั้นในอย่างสุขุมวิทได้ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุบางเขน

 

รถไฟฟ้าสายสีเทา จากสถานีวัชรพล-ทองหล่อ รวม 39 สถานี ตัดกับรถไฟฟ้าอีก 4 สาย คือ ตัดกับสายสีชมพูที่สถานีวัชรพล ตัดกับสายสีเหลืองที่สถานีฉลองรัช ตัดกับสายสีสัมที่สถานีพระราม 9 และตัดกับสายสีเขียวที่สถานีทองหล่อ

 

ขณะที่ปลายทางของรถไฟฟ้าสีชมพูที่แคราย ยังเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง (แคราย-คลองบางไผ่) และเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (แคราย-รามคำแหง) อีกด้วย 

 

ถ.เลียบด่วน ถือเป็นถนนที่ตัดกับถนนสำคัญอย่าง ถนนพระราม 9 ถนนลาดพร้าว ถนนเกษตร-นวมินทร์ และถนนรามอินทรา แถมยังมีตรอกซอกซอยเล็กๆ มากมาย เช่น ถนนประชาอุทิศ ถนนเทียมร่วมมิตร ถนนนาคนิวาศ

 

ที่สามารถใช้เลี่ยงรถติดเพื่อทะลุไปยังถนนสายหลักดังกล่าวได้เช่นกัน ทำให้ในย่านนี้ค่อนข้างคึกคักทั้งเป็นที่อยู่อาศัย ที่ตั้งออฟฟิศขนาดเล็กหรือพวก SMEs, StartUp หรือ Co-Working Space และย่านช้อปปิ้งแฮงก์เอ้าท์มากมาย เช่น

 

ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่าง Central East vile, Tesco Lotus และ Home Pro และ Community Mall ชื่อดังอย่าง Crystal Design Center (CDC) และ The Walk ตลาดนัด 2 แห่งใหญ่ๆ คือ ตลาดนัดหัวมุม และตลาดนัดเลียบด่วนฯ และยังร้านอาหารหลากหลายแนวตลอดสองฝั่งถนนเลียบด่วน

 

เยอะขนาดนี้ ถ้าถามถึงความจอแจก็มีบ้างในช่วงเวลาเร่งด่วน ช่วงเช้ารถอาจจะติดเพราะทุกคนต่างมุ่งเข้าไปทำงานในเมือง ส่วนตอนเย็นโดยเฉพาะในช่วงเย็นวันศุกร์เลี่ยงเรื่องรถติดไม่ได้เพราะมีทั้งคนที่เดินทางกลับบ้านและคนที่เข้ามาเที่ยวแถวๆ นี้...

 

ซึ่ง The Cube Premium รามอินทรา 34 ก็อยู่ใกล้กับตลาดนัดเลียบด่วน ซึ่งเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่ ขายทุกอย่างทั้งเสื้อผ้า รองเท้า ของใช้ ของมือสอง ไปจนถึงอาหารจานเดียว ขนม บุฟเฟ่ต์ ฯลฯ จึงเลี่ยงไม่ได้เรื่องรถติด แต่พอเข้ามาในซอยอยู่เย็น ความจอแจก็แทบจะไม่มีให้เห็นเลย

 

เมื่อเทียบกับความคุ้มค่า ในราคาที่ไม่แพงมากนักแต่ได้อยู่ใกล้ย่าน New CBD และใจกลางเมืองอย่างทองหล่อ เอกมัย สุขุมวิท แล้วล่ะก็ ถ็ถือว่าพอคุ้มที่จะยอมรอรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ ซึ่งการเดินทางก็น่าจะสะดวกสบายขึ้น

 

ต่อกันที่ข้อที่สาม ดีไซน์และสไตล์ Premium พิสูจน์ไปด้วยกันกับภาพ Sale Gallery และห้องตัวอย่างของโครงการ


 

มาเริ่มกันที่ทำเลโดยรอบของโครงการก่อน ส่วนมากจะเป็นอาคารพาณิชย์และบ้านในแนวราบ ดังนั้น ยังไม่มีสิ่งปลูกสร้างสูงๆ บดบังทัศนียภาพ ด้านหนึ่งเป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบสูง 1-2 ชั้น ส่วนอีกด้านก็เป็นที่ดินเปล่ายังไม่มีสิ่งปลูกสร้างซึ่งในอนาคตทั้งสองส่วนมีโอกาสเปลี่ยนมือเจ้าของได้แต่ก็เป็นเรื่องไม่แน่ไม่นอนอีกเช่นกัน ขณะที่มีฉากหลังเป็นทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์อยู่ไกลลิบๆ 

 

โครงการตั้งอยู่พื้นที่ขนาด 1 ไร่กว่าๆ เป็นอาคารสูง 8 ชั้น 1 อาคาร 166 ยูนิต จากภาพโมเดลตัวอย่างจะเห็นว่าตัวอาคารออกแบบมาเป็นรูปตัว L สไตล์โมเดิร์นเรียบๆ เน้นสีขาวกับน้ำตาลเป็นหลัก ตกแต่งด้วยกระจกใสตัดด้วยเส้นกรอบสีดำ ทำออกมาเหมือนกับภาพจำลองที่ทางโครงการได้ทำออกมาให้ดูไปก่อนหน้านี้

 

ประตูทางเข้าโครงการเป็นไม้ระแนงสีน้ำตาลขนาดใหญ่ เมื่อเข้าไปก็จะเจอกับบริเวณจอดรถด้านหน้าโครงการ ซึ่งที่จอดรถทั้งหมดจะอยู่ที่ชั้น 1 บริเวณใต้อาคาร คิดพื้นที่จอดรถได้ประมาณ 33% 


 

โดยชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด ได้แก่ ล็อบบี้ Co-Working Space สระว่ายน้ำระบบเกลือ ฟิตเนส สระ Jacuzzi ห้องซาวน่า สนามเด็กเล่นและสวนหย่อมขนาดมินิ และติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจอัตโนมัติไว้ใช้ในยามฉุกเฉินด้วย รวมทั้ง เครื่องวัดความดัน ตู้รับ-ส่งสิ่งของอัตโนมัติที่เชื่อมต่อเข้ากับโทรศัพท์มือถือได้ด้วย ตู้จดหมาย และงานบริการต่างๆ ครบวงจรตลอด 24 ชม.


 

ในส่วนของล็อบบี้ และ Co-Working Space จะครอบคลุมพื้นที่ชั้น 1 ไปถึงบางส่วนของชั้น 2 และที่เหลือของชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 8 คือส่วนของยูนิตที่พักอาศัยทั้งหมด

 

ส่วนหน้าตาของ Co-Working Space คิดว่าไม่ทิ้งไปจากการออกแบบ Sale Gallery ที่เน้นความคลาสสิคสไตล์โมเดิร์น คือไม่เก่าจนเกินไป ไม่แก่เรียนจนไม่มีสไตล์ เรียกว่าเป็นความคงแก่เรียนแต่ยังดูทันสมัยอยู่ คลุมโทนสีดำน้ำตาล

 

โดยจะใช้ชั้นวางหนังสือที่ทำจากเหล็กสีดำรูปทรงโมเดิร์น ตัดจากสีน้ำตาลจากเฟอร์นิเจอร์ไม้โครงเหล็ก ผสมผสานกับวัสดุอะลูมิเนียมสีทองแดงที่มีรูปทรงและลวดลายวินเทจนิดๆ ซึ่ง Co-Working Space ของโครงการก็จะไม่ทิ้งไปจากสไตล์การออกแบบ Sale Gallery 


 

สำหรับแบบห้องมีให้เลือกทั้งหมด 5 แบบ คือ
 

Type A     1 ห้องนอน ขนาด 26.5 ตร.ม. จำนวน 28 ยูนิต


Type B     1 ห้องนอน ขนาด 28 ตร.ม. จำนวน 70 ยูนิต


Type B-1     1 ห้องนอน ขนาด 34 ตร.ม. จำนวน 7 ยูนิต


Type C     1 ห้องนอน ขนาด 30 ตร.ม. จำนวน 40 ยูนิต


Type D     1 ห้องนอน ขนาด 34 ตร.ม. จำนวน 21 ยูนิต

 

ทุกยูนิตทางโครงการขายพร้อมจัดเต็ม Fully Furnished ของคุณภาพอย่างดี

 

ประกอบด้วยชุดวางทีวี โต๊ะทานข้าว ตู้เสื้อผ้า โต๊ะกลาง โซฟา โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะข้างหัวเตียง แบรนด์ Starmark ส่วนครัวก็ได้บิ้วท์อินครบชุด ทั้งตู้ตั้งพื้น ตู้แขวนด้านบน ท๊อปครัวก็ทำมาจากหินสังเคราะห์แบรนด์ Starmark เช่นกัน ผนังครัวก็ปูพื้นผิวที่ทำความสะอาดง่าย พร้อมด้วยเครื่องดูดควันระบบหมุนเวียน เตาไฟฟ้า 2 หัว แบรนด์ Technogas อ่างล้างจานและก๊อกน้ำ

 

ส่วนห้องน้ำก็มาพร้อมสุขภัณฑ์ครบชุดของ American Standard ที่สะดุดตามากๆ ก็คือ โครงการเลือกใช้ฝันบัวแบบ Rain Shower อันใหญ่จุใจ และติดตั้งฉากกันอาบน้ำแบบกระจกนิรภัยมาพร้อมทีเดียวเลย

 

โดยทางโครงการได้ทำห้องตัวอย่างออกมาให้ดู 3 แบบ คือ Type A 26.5 ตร.ม. Type B 28 ตร.ม. และ Type C 30 ตร.ม. ซึ่งทุกแบบจะมี 1 ห้องนอนเหมือนกันหมด แตกต่างกันที่ขนาดพื้นที่ใช้สอย และรายละเอียดเฟอร์นิเจอร์ที่แตกต่างกันเล็กน้อย


 

Type A ห้องขนาด 26.5 ตร.ม. เป็นห้องขนาด 1 ห้องนอน คล้ายๆ ห้อง Studio แต่มีการแบ่งสัดส่วนระหว่างห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องครัว เป็นสัดเป็นส่วน

 

ก็อย่างที่บอกไปว่า ทุกยูนิตขายพร้อม Fully Furnished ดังนั้น เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่ได้เห็นในห้องตัวอย่าง เราก็จะได้ตามนี้ทั้งหมด ส่วนพื้นปูด้วยไม้ลามิเนตจาก SCG หนา 12 มม. พร้อมบัวผนัง ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร เป็นยิปซั่มฉาบเรียบ ทาสี พร้อมโคมไฟแบบ LED Panel
 
จากภาพมุมกว้างด้านล่าง เป็นภาพที่มองจากประตูห้องเข้าไป ก็จะเห็นมุมซ้ายเป็นชุดโซฟาขนาด 2 คนนั่งสบายๆ พร้อมโต๊ะกลาง ส่วนของตกแต่งบนผนังและพรมเป็นของตกแต่งเฉพาะห้องตัวอย่างเท่านั้น ส่วนผนังก็เป็นผนังเรียบทาสี

 

ด้านขวาเป็นชุดชั้นวางทีวี พร้อมชั้นวางของสีและแบบตามภาพ ทางโครงการจะติดตั้งบิ้วท์อินต่างๆ ตามตำแหน่งที่ได้เห็นในห้องตัวอย่างเลย

 

ระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอน กั้นด้วยบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่แบบ 3 ตอน ซึ่งใครที่ชอบเป็นส่วนตัวสามารถติดสติกเกอร์ฝ้า หรือติดม่านเพิ่มเติมได้ แต่ด้วยตัวกระจกก็เป็นกระจกสีเขียวตัดแสงที่ช่วยลดการรบกวนได้ส่วนหนึ่ง ถ้าเปิดโล่งไว้ก็จะช่วยให้ทั้งห้องได้รับแสงจากภายนอกได้ทั่วถึงกัน

 

ดูจากมุมนี้จะรู้สึกถึงความเป็นห้อง Studio ที่ดูเป็นสัดส่วนมากขึ้นด้วยบานเลื่อนกั้นห้อง หรือจะเปิดโล่งไว้ก็ช่วยให้อากาศภายในห้องถ่ายเทได้ดี


 

ทุกยูนิตจะได้เฉพาะเตียงนอน แต่จะไม่ได้ฟูก หมอน และเครื่องนอนอื่นๆ ใต้เตียงนอนมีช่องเก็บของ สามารถประหยัดพื้นที่ใช้สอยไปได้อีก ส่วนม่านนั้นก็ไม่ได้เช่นกัน


 

ปลายเตียงเป็นตู้เสื้อผ้าบิ้วท์อินที่มีช่องเก็บของมากมาย แต่ใครที่ไม่ต้องการเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนของทางโครงการสามารถแจ้งโครงการได้ล่วงหน้า แต่จะไม่ได้ส่วนลดใดๆ เนื่องจากป้องกันปัญหาในภายหลัง


 

จากห้องนอนมองไปทางขวาก็จะเห็นกับห้องครัวที่มาพร้อมบิ้วท์อินครบชุด ทั้งตู้ตั้งพื้นและตู้แขวนด้านบน

 

ท๊อปครัวจากหินสังเคราะห์แบรนด์ Starmark เช่นกัน ผนังครัวก็ปูพื้นผิวที่ทำความสะอาดง่าย พร้อมด้วยเครื่องดูดควันระบบหมุนเวียน เตาไฟฟ้า 2 หัว แบรนด์ Technogas อ่างล้างจาน ก๊อกน้ำ


 

จากห้องครัวออกไปก็จะเจอระเบียง ซึ่งพื้นครัวปูกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนพื้นระเบียงปูกระเบื้องเซรามิก


 

ภาพด้านล่าง ภาพจากห้องครัวมองไปยังห้องนอน ขวามือเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 2 คน พับเก็บได้แต่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้


 

ห้องน้ำที่มาพร้อมสุขภัณฑ์ American Standard กับฝักบัวหัวยักษ์และฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัยบานเปิดแบรนด์ Bathroom Design


 

Type B ห้องขนาด 28.5 ตร.ม. เป็นห้องขนาด 1 ห้องนอน ที่ใหญ่ขึ้นมาจากห้อง Type A นิดหน่อย โดยส่วนที่มีพื้นที่เพิ่มขึ้นคือห้องนอนกับห้องนั่งเล่น ทางโครงการจึงได้ย้ายโต๊ะทานข้าวมาไว้ในห้องนั่งเล่นแทน แต่เนื่องจากเป็นโต๊ะที่เคลื่อนย้ายได้ ถ้าเราไม่ชอบ เราก็ย้ายเองได้


 

จากภาพด้านล่างเราจะเห็นว่า ห้องนอนทางขวามือมีพื้นที่เพิ่มขึ้น พื้นที่แต่งตัวก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ประตูห้องนอนยังเป็นแบบบานเลื่อน 3 ตอน


 

ส่วนเฟอร์นิเจอร์ของห้อง Type B ก็จได้คล้ายกับ Type A แตกต่างกันที่รูปทรงและสีเล็กน้อยตามตัวอย่างภาพด้านบน คือ มีชั้นวางทีวีแบบลอย หรือติดทีวีที่ผนังแล้วเปลี่ยนชั้นวางทีวีเป็นที่วางของก็ได้เช่นกัน และยังตู้ด้านข้างและบิ้วท์อินด้านบน

 

ด้านขวาเป็นประตูห้อง Digital Door Lock แบรนด์ Samsung ประตูลวดลายเรียบๆ เน้นสีเทาตัดกับสีดำเบาๆ


 

ภายในห้องนอนมีพื้นที่ใช้สอยด้านข้างเพิ่มขึ้นมาพอประมาณ ตู้เสื้อผ้าก็ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย พร้อมกระจกบานใหญ่ ใต้เตียงเป็นแบบมีช่องเก็บของดึงเข้าออกสะดวก ส่วนปลายเตียงก็มีพื้นที่เพิ่มขึ้น สามารถวางโต๊ะทำงานเล็กๆ ได้อีก


 

พื้นที่ใช้สอยในตู้เสื้อผ้า และใต้เตียง


 

 

ห้องครัวกับพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้นทั้งด้านบนและด้านล่าง โทนสีน้ำตาล เพิ่มพื้นที่ส่วนของการเตรียมอาหารใหญ่ขึ้นมาอีกนิด ผนังเคาน์เตอร์ครัวบุด้วยวัสดุทำความสะอาดง่าย ไม่ว่าน้ำมันจะกระเด็น แกงจะหกเลอะเทอะก็เช็ดออกได้ง่ายๆ 


 

สุขภัณฑ์ห้องน้ำที่ดูพรีเมี่ยมและทนทานมากขึ้น พร้อมลูกเล่นเจาะผนังเป็นชั้นวางของ ทำให้ไม่เกะกะ ไม่ต้องต่อเติมชั้นวางของยื่นออกมาให้ยุ่งยาก

 

จากห้องน้ำมองออกไปจะเห็นห้องครัวและระเบียงภายนอก

 

มุมจากห้องนอนมองไปที่ห้องนั่งเล่น จะเห็นโต๊ะทานข้าวอยู่ทางขวาข้างโซฟา 


 

แบบสุดท้ายคือ Type C 30 ตร.ม. เห็นชัดๆ ก็คือห้องนอนและห้องนั่งเล่นพื้นที่มากขึ้น จากภาพล่าง มองจากประตูเข้าไปจะเห็นประตูห้องน้ำอยู่ทางซ้าย ตรงไปคือห้องนอน ขวามือคือครัว 

 

จุดเด่นอีกอย่างคือ ประตูห้องนอนจะเป็นแบบประตูปิดทึบไม่ใช่ประตูกระจกบานเลื่อนเหมือนห้องตัวอย่าง 2 แบบแรก ส่วนห้องครัวก็มีประตูบานเลื่อนต่างหาก ขณะที่ครัวของ 2 แบบแรกไม่มีประตู


 

ห้องนั่งเล่นจะได้เป็นชุดโซฟาขนาด 2-3 คน ตามแบบ ส่วนด้านข้าวโซฟานั้นเป็นโต๊ะทานอาหารแบบเคลื่อนย้ายได้ พับเก็บไม่ได้


 

ตู้บิ้วท์อินบริเวณชั้นวางทีวีก็ดูพรีเมียมขึ้นอีก สีและลวดลายก็ยังเป็น Mood & Tone เดียวกัน แตกต่างที่มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ลิ้นชักและช่องวางของก็มากขึ้นเช่นกัน ส่วนที่เห็นประตูขาวๆ ข้างทีวีก็คือประตูห้องน้ำ

 

สำหรับห้องน้ำของห้อง Type C จะอยู่ในมุมที่แสงไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่ทางโครงการได้ออกแบบให้มีระบบระบายอากาศออกไปนอกตัวอาคาร จากภาพด้านบนจะเห็นว่ามีช่องระบายอากาศอยู่บนเพดานช่วยลดความอับชื้นและปัญหากลิ่นรบกวนได้ในระดับหนึ่ง 


 

มาที่ห้องนอนกันบ้าง พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นแบบจัดเต็ม มีโต๊ะทำงานหัวเตียงเพิ่มขึ้นมา หรือจะทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้เช่นกัน


 

ในห้องนอนมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ขณะที่เฟอร์นิเจอร์ก็ดูพรีเมียมและมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นเช่นกัน


 

บิ้วท์อินที่มาพร้อมกับห้องครัว และภาพมุมเจาะของเครื่องดูดควันระบบหมุนเวียนแบรนด์ Technogas

 

ปิดท้ายกันด้วยข้อที่สี่ กับคุณภาพชีวิต Premium ซึ่งทาง The Cube Premium รามอินทรา 34 ได้ออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยให้ลูกบ้านทุกคนตั้งแต่ความปลอดภัยหน้าโครงการที่เข้าออกด้วย Access Card พร้อมกล้องวงจรปิดทุกมุมตลอด 24 ชม. ขณะเดียวกันก็มี รปภ. ดูแลตลอดเช่นกัน


 

ระบบ Digital Door Lock จาก Sumsung ที่มีให้ทุกยูนิต


 

พร้อมด้วยระบบ Smart Home ที่สามารถสั่งการเปิดปิดเครื่องปรับอากาศ แสงสว่าง ควบคุมอุณหภูมิ และตรวจจับความเคลื่อนไหวผ่านเซนเซอร์จับสัญญาณที่ทางโครงการให้มาด้วย ผ่านแอพพลิเคชั่น Fibaro ที่ทางโครงการเตรียมไว้ให้

 

ภาพขวาคือตัวจับสัญญาณที่เราสามารถย้ายไปตั้งในจุดสำคัญๆ ได้ เช่น บริเวณตู้เซฟ เมื่อเซนเซอร์จับได้ว่ามีการเคลื่อนไหวในบริเวณดังกล่าวก็จะแจ้งเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือของเรา

 

นอกจากนี้ทางโครงการยังได้ติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจและเครื่องวัดความดันไว้ในบริเวณส่วนกลางชั้น 1 แถวๆ ฟิตเนสหรือสระว่ายน้ำ เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน และยังมี Wash Box ตู้ที่ให้บริการครบวงจรทั้งซักอบรี สปารองเท้า-กระเป๋า รับส่งพัสดุ ซื้อของออนไลน์ หรืออะไรก็แล้วแต่ คุณสามารถนัดคนมาส่งของได้ที่ Wash Box นี้... ผู้ส่งก็จะต้องกรอกหมายเลขโทรศัพท์ของห้องที่ต้องการส่งของไปในตู้ แล้วตู้ก็จะส่งข้อความแจ้งรหัสเปิดตู้ไปยังเบอร์โทรศัพท์ของคุณ 

 

ทั้งหมดทั้งมวลที่อ่านมานี่ราคาตกอยู่ที่ ตร.ม. ละ 64,000 บาท หรือเริ่มต้นที่ 1.88 ล้านบาท* เท่านั้น และแว่วๆ มาว่าตอนนี้มียอดจองเกิน 40% ขึ้นไปแล้ว

 

สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่าดีจริงสมราคาคุย หรือยังไม่เชื่อ และอยากเห็นด้วยตาตัวเอง แวะเวียนไปสัมผัสบรรยากาศจริง และค้นหาคำตอบด้วยตัวคุณเองเลยว่า “ดีจริงสมราคาคุยหรือเปล่า” ได้ที่ The Cube Premium รามอินทรา 34

 

สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1246 หรือ www.thecube-condo.com


 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

ประกาศที่เกี่ยวข้อง

livinginsider livinginsider